วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

9 วิธีทำให้เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน...ดร.แพง ชินพงศ์




   ผู้เขียนเชื่อว่าคนทุกคนย่อมอยากเป็นที่รัก เป็นที่ชื่นชอบและเป็นที่ชื่นชมของใคร ๆ ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นลูกที่รักของพ่อแม่ เป็นคนที่รักของสามีหรือภริยา เป็นคนที่รักของญาติพี่น้องหรือเป็นคนที่รักของเพื่อนฝูง มันอาจไม่ใช่เรื่องยากเลยหากอยู่ในสังคมของคนใกล้ชิด เช่นคนในครอบครัวหรือวงศาคณาญาติ เพราะว่าเราต่างรักกันโดยความผูกพันทางสายเลือดอยู่แล้ว แต่การจะเป็นที่รักของคนอื่น ๆ เช่น เพื่อนบ้าน เพื่อนที่โรงเรียน หรือเพื่อนร่วมงาน อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าใดนัก เพราะต่างคนก็ต่างที่มา การจะคบหา เรียนรู้กันและกัน ใกล้ชิดสนิทสนม จนถึงขั้นรักใคร่ชอบพอกันนั้นจึงต้องใช้เวลาและต้องใช้ความพยายาม โดยเฉพาะกับเพื่อนร่วมงานที่อาจต้องมีการแข่งขันกันในหน้าที่การงานหรือการมีความแตกต่างในตำแหน่งหน้าที่นั้นยิ่งต้องใช้ความพยายามมากขึ้นไปอีก แต่หากเราอยากจะเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน ควรใช้ 9 วิธี พิชิตใจเพื่อนร่วมงาน ดังนี้
       
       1. ยิ้มสร้างมิตรภาพ
       
       การยิ้มเป็นการเริ่มต้นของการสร้างความสัมพันธ์ที่ง่ายที่สุด เพราะคงไม่มีเพื่อนร่วมงานคนไหนที่จะกล้าเข้าไปพูดคุยหรือเกี่ยวข้องกับคนที่ทำหน้าบึ้งตึงไม่รับแขก หรือแสดงสีหน้าไปในทางที่ดูถูกคนอื่น การยิ้มที่สร้างมิตรภาพ ควรแสดงออกมาด้วยความจริงใจ ทั้งสีหน้าและแววตา เมื่อเราเริ่มยิ้มให้กับใคร เชื่อว่าคนๆนั้นจะต้องเกิดความรู้สึกดี ๆ กับเราอย่างแน่นอน




      
       2. เป็นตัวของตัวเอง
       
       การแสดงออกซึ่งบุคลิกหรือนิสัยใจคอที่เราเป็น เป็นสิ่งที่ดีที่ควรทำต่อเพื่อนร่วมงาน เพราะเขาจะได้เรียนรู้ในการที่จะปรับตัวเข้าหาเราได้อย่างเหมาะสม อย่าพยายามแสดงตนเป็นคนอื่นในแบบที่ไม่ใช่ตัวเรา เพราะนั่นจะแสดงให้เพื่อนร่วมงานของเราเห็นว่าเราเป็นคนหลอกลวงและไม่จริงใจ แต่การเป็นตัวของตัวเองนั้นก็ควรระลึกไว้อย่างหนึ่งว่าแม้เราจะมีลักษณะนิสัยอย่างไรก็ตาม หากเรารู้ว่านิสัยนั้นเป็นนิสัยที่ไม่ดี เราควรจะต้องเรียนรู้ในการที่จะปรับตัวเราด้วยเช่นกัน แต่ไม่ต้องถึงขนาดทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ แค่พอให้เราและเพื่อนของเรายอมรับในแบบนั้นได้ก็ดีพอแล้ว
       
       3. เข้าอกเข้าใจผู้อื่น 
       
       การเข้าใจผู้อื่นคือการเห็นความสำคัญของเขานั่นเอง บางครั้งเพื่อนร่วมงานของเราอาจมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการงานหรือปัญหาส่วนตัวก็ตาม ควรจะหาโอกาสที่จะเข้าไปมีส่วนในการเป็นที่พึ่งพาให้กับเขาเท่าที่เราสามารถจะทำให้ได้ เช่น รับฟัง ให้คำปรึกษา ช่วยแก้ไข ว่ากันว่ามิตรแท้ก็คือมิตรในยามยาก ดังนั้น หากเราสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้เพื่อนของเราผ่านพ้นปัญหาไปได้ เราก็จะเป็นที่รักของเพื่อนอย่างแน่นอน
       


       4. เคารพความคิดเห็นของผู้อื่น
       
       แม้ว่าการทำงานในบางครั้ง เราอาจจะมีความเห็นที่แตกต่างกันกับเพื่อนร่วมงานของเราบ้าง แต่เราต้องเรียนรู้ในการที่จะเป็นคนใจกว้างที่จะยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย และจะต้องไม่คิดว่าความคิดเห็นของเราเท่านั้นที่ถูกต้องเสมอ การยอมรับฟังความคิดเห็นของเพื่อนร่วมงาน นอกจากจะเป็นผลดีต่อการทำงานเพราะอาจหมายถึงทางที่จะช่วยแก้ปัญหาได้หลากหลายทางหรือหมายถึงความคิดที่จะเอามาปรับใช้กับงานได้หลากหลายมากขึ้นแล้ว ยังเป็นผลดีต่อความรู้สึกของเพื่อนร่วมงานว่าเราเป็นคนที่มีน้ำใจในการทำงานด้วย ซึ่งนั่นจะทำให้มิตรภาพและบรรยากาศในที่ทำงานเป็นไปด้วยความราบรื่น
       
       5. ปฏิบัติต่อเขาเหมือนอย่างที่เราต้องการให้เขาปฏิบัติต่อเรา
       
       การทำเช่นนี้ไม่ได้หมายถึงการทำดีเพื่อหวังผลตอบแทน แต่หมายความว่า การทำดีกับใครควรทำด้วยความจริงใจ แล้วความดีนั้นจะส่งผลให้เรามีความสุขในใจนั่นเอง เพราะเมื่อใจเราไม่ได้คิดร้ายกับใครแล้ว แม้ไม่มีใครตอบแทนความดีของเราแต่เราก็สุขใจที่ทำให้คนอื่นมีความสุขนั่นเอง
       


       6. ยินดีกับความสำเร็จของเพื่อน 
       
       เช่น เมื่อเพื่อนร่วมงานของเราได้เลื่อนตำแหน่งหรือได้รับรางวัลจากการทำงาน เราควรแสดงความยินดีกับเขาด้วยความจริงใจ อย่าละเลยที่จะทำเพราะเห็นไม่สำคัญหรือไม่จำเป็น โดยเราอาจกล่าวแสดงความยินดี เขียนการ์ดหรือมอบของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เพื่อนของเราเพื่อแสดงน้ำใจให้เขาเห็นว่าเรายินดีกับความสำเร็จของเขาจริง ๆ และเมื่อถึงคราวของเราบ้างก็เชื่อว่าเพื่อนของเราก็ต้องยินดีกับความสำเร็จของเราด้วยเช่นกัน
       
       7. รักษาคำมั่นสัญญา 
       
       มีคำกล่าวไว้ว่า เมื่อเราได้รักษาสัญญากับใครแล้วเราต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้นั้น แม้การทำตามสัญญาอาจทำให้เราต้องเสียประโยชน์อย่างใดไป เราก็ต้องยึดคำสัญญานั้นไว้ให้มั่น เช่น เมื่อเรารับปากว่าจะช่วยเพื่อนร่วมงานของเราสะสางงาน หรือแก้ปัญหาเกี่ยวกับงานนอกเวลาทำงาน แต่ปรากฏว่ามีงานพิเศษเข้ามาหรือมีคนโทรมานัดไปเที่ยวในวันนั้นพอดี เราก็ควรจะต้องเลือกที่จะช่วยเพื่อนของเราตามที่ได้รับปากไว้แล้ว และเมื่อเป็นเช่นนี้แน่นอนว่าคุณจะเป็นที่รักและที่ชื่นชมของเพื่อนร่วมงานอย่างไม่ต้องสงสัยเลยทีเดียว
       
       8. ไม่นินทาลับหลัง
       
       การห้ามการนินทาเป็นสิ่งที่ยากที่จะทำแต่ไม่ใช่ทำไม่ได้ การนินทาทำลายมิตรภาพที่ดีของเพื่อนร่วมงานมานักต่อนัก เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนไม่จริงใจและเป็นพวกต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง จึงอาจทำให้เกิดการบาดหมางกันระหว่างเพื่อนร่วมงานได้ ดังนั้น อย่าพยายามเอาตัวเองไปอยู่ในวงนินทา ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็แค่รับฟังแต่ไม่ต้องร่วมนินทาด้วย อย่าให้ความสนุกปากทำให้เกิดเป็นความลำบากใจในภายหลัง และการไม่นินทาถือเป็นการให้เกียรติเพื่อนของเราด้วย
       


       9. หากิจกรรมนอกเวลางานทำร่วมกัน
       
       แม้เราจะต้องเจอเพื่อนร่วมงานของเราทุกวันเวลาทำงานอยู่แล้วก็ตาม แต่การได้ทำกิจกรรมนอกเวลาทำงานร่วมกันที่ทำให้เกิดความผ่อนคลาย จะช่วยสร้างสัมพันธภาพที่ดี รวมถึงเป็นการสร้างความสนิทสนมคุ้นเคยกันได้มากขึ้น การได้พูดคุยในเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องการงาน การได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันอาจทำให้เราเห็นบุคลิกลักษณะและนิสัยใจคอของเพื่อนร่วมงานในมุมที่เราไม่เคยเห็น ซึ่งก็เป็นประโยชน์ในการปรับตัวเข้าหากันได้อย่างดี กิจกรรมนอกเวลางานที่ควรทำร่วมกัน เช่น ไปรับประทานอาหารเย็น ไปดูหนัง ไปซื้อของ ไปเล่นกีฬา ไปทำบุญ ไปช่วยงานสาธารณประโยชน์
       
       การที่จะคนๆหนึ่งจะเป็นที่รักของคนอื่น ๆ อาจไม่ใช่ทั้งเรื่องยากและไม่ใช่ทั้งเรื่องง่าย แล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับมนุษย์ที่มักจะเลือกที่รักมักที่ชัง แม้ว่าเราไม่อาจบังคับให้ใครมารักหรือมาชอบเราได้ตามใจของเราเอง แต่คงจะดีไม่น้อยหากคนเราจะเรียนรู้ในการที่จะสามารถรักคนได้ทุก ๆ คนไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นใครก็ตาม คน ๆ นั้นอาจมีนิสัยไม่น่ารักหรือไม่ถูกใจเรา แต่หากเราเรียนรู้ที่จะมอบความรักและความปรารถนาดีให้กับทุก ๆ คนไปด้วยความจริงใจแล้ว เราจะได้รับสิ่งที่ดี ๆ ตอบแทนกลับมาอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็ทำให้เกิดความสุขใจก็เพียงพอแล้ว


ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
http://www.manager.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น