This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อาการ ช่องคลอดแห้ง พิษร้ายของสาววัยทองยามขึ้นเตียง...

นพ.ก้องศาสดิ์ ดีนิรันดร์ สูตินรีแพทย์



คงปฏิเสธไม่ได้ว่า นอกจากความรัก ความผูกพัน และความเข้าใจระหว่างกันอันเป็นองค์ประกอบของการใช้ชีวิตคู่แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันนั่นคือเรื่องของ "เพศสัมพันธ์" เพราะมีหลายคู่ที่สัมพันธ์รักดำเนินมาอย่างยาวนานและราบรื่น แต่สุดท้ายก็ไม่อาจเคียงคู่ไปได้ตลอดรอดฝั่ง เนื่องจากการมีปัญหาในเรื่องเพศสัมพันธ์นั่นเอง และยิ่งสำหรับสาวอายุ 50-70 ปี หรือที่เรียกกันว่าสาววัยทองนั้น การทำงานของฮอร์โมนบางอย่างก็อาจเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา และอาจส่งผลกระทบให้กิจกรรมบนเตียงมีปัญหาตามไปด้วย
       
       จากสถิติระบุว่า 2 ใน 3 ของสาววัยทองมักมีปัญหาในการมีเพศสัมพันธ์กับสามี และพบว่า 72% มาจากปัญหาช่องคลอดแห้ง นพ. ก้องศาสดิ์ ดีนิรันดร์ สูตินรีแพทย์ประจำคลินิกเครือโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท อธิบายว่า เกิดจากการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน (ฮอร์โมนเพศหญิง) ซึ่งหน้าที่หนึ่งของฮอร์โมนดังกล่าว คือทำให้ภายในช่องคลอดมีความอวบอิ่ม ยืดหยุ่น และทำให้เกิดความชุ่มชื้นภายใน เมื่อระดับฮอร์โมนลดลงในช่วงวัยทอง ก็จะทำให้ความรู้สึกทางเพศลดลง ภายในช่องคลอดก็จะบาง ไม่ยืดหยุ่นและชุ่มชื้นอีกต่อไป และส่งผลให้ปริมาณแบคทีเรียที่ดีต่อช่องคลอดลดน้อยลงตามไปด้วย ซึ่งทำให้เกิดการระคายเคืองและรู้สึกไม่สบายในบริเวณนั้น
sexในวัยทอง
       
       "นอกจากฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงแล้ว ประสิทธิภาพในการทำงานของต่อมบาร์โธลินที่ทำหน้าที่ผลิตน้ำหล่อลื่นก็ลดลงไปด้วย ในช่วงก่อนอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการเตรียมพร้อมสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ แต่ในช่วงวัยทองอาจใช้เวลาค่อนข้างนาน เนื่องจากสาเหตุดังกล่าว ทำให้สาววัยทองหลายคนพบว่า ความรื่นรมย์ในการร่วมเพศลดลง เพราะเกิดความเจ็บแสบระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ และยังอาจติดเชื้อได้ง่ายขึ้น" นพ.ก้องศาสดิ์ กล่าว
       
       สำหรับปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงก่อนเข้าสู่วัยทอง นพ.ก้องศาสดิ์ ระบุว่า การดื่มแอลกอฮอลล์ การสูบบุหรี่ การไม่ออกกำลังกาย การพักผ่อนน้อย และความเครียด รวมไปถึงการตัดรังไข่ก็จะเป็นตัวเร่งให้เข้าสู่ช่วงวัยทองได้เร็วยิ่งขึ้น ฉะนั้น สาวๆสามารถหันกลับมาดูแลตัวเองได้ โดยการรับประทานอาหารที่มีสารไฟโตรเอสโตรเจน ไอโซฟลาโวนส์ และลิกแนน ซึ่งมีโครงสร้างและคุณสมบัติคล้ายเอสโตรเจน พบมากในผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ถั่วประเภทต่างๆ ธัญพืช และเมล็ดลินิน (เฟล็กซีด) นอกจากนี้ ยังต้องเลือกรับประทานอาหารที่มีกรดไขมันไลโนเลอิก เพราะจะทำหน้าที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผนังช่องคลอดและเยื่อบุช่องคลอด พบมากในดอกคำฝอย เมล็ดทานตะวัน เมล็ดงา และผักใบเขียว
       
       "การดื่มน้ำมะพร้าวที่หาง่ายๆ ในบ้านเรา และกำลังเป็นที่นิยมของนักร้องชื่อดังอย่างมาดอนน่า และดาราสาวเจนิเฟอร์ อนิสตัส ก็ช่วยสาววัยทองได้เช่นกัน เนื่องจากมีเอสโตรเจน ส่วนอาหารที่ต้องระวังคือ อาหารประเภทไขมัน เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์และคาเฟอีน ควรงดสูบบุหรี่ ออกกำลังกายเป็นประจำ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด ทำจิตใจให้แจ่มใสพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง และที่สำคัญคือ ไม่ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับสามี เพราะเพศสัมพันธ์จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งจะช่วยทำให้ผนังช่องคลอดแข็งแรง และช่วยบรรเทาความไม่สบายตัวจากผนังช่องคลอดบางลงได้ดีขึ้น" นพ.ก้องศาสดิ์ แนะ
ช่องคลอดแห้งเพราะน้ำหล่อลื่นลดลง
       
       นอกจากวิธีการดังกล่าวแล้ว การไปพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อรักษาอาการสำหรับสาววัยทองโดยเฉพาะเป็นสิ่งจำเป็น นพ.ก้องศาสดิ์ กล่าวว่า เมื่อสาววัยเริ่มประสบปัญหาดังกล่าว หลายคนอาจรู้สึกอายและไม่กล้าเข้าพบสูตินรีแพทย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะการเข้าพบแพทย์เฉพาะทางจะช่วยลดปัญหาต่างๆ ในวัยทองได้ และทำให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข โดยไม่ส่งผลกระทบต่อตนเอง สามี และคนใกล้ชิด ฉะนั้น หากมีปัญหาดังกล่าวควรเข้าพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจอาการเบื้องต้น โดยแพทย์จะดูความสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย และรักษาเพื่อบรรเทาอาการต่างๆ เช่น ร้อนวูบวาบ ช่องคลอดแห้ง หงุดหงิด นอนไม่หลับ ฯลฯ ในบางคนแพทย์อาจให้คำแนะนำให้ใช้เจล ฮอร์โมนเหน็บ หรือรับฮอร์โมนเอสโตรเจนเสริม และจะหยุดการใช้ยาเมื่ออาการต่างๆ ดีขึ้น
ประโยชน์ของฮอร์โมนเอสโตรเจน
       
เปรียบเทียบน้ำหล่อลื่นในผนังช่องคลอด
ถั่วเหลืองมีสารคล้ายเอสโตรเจน
น้ำมะพร้าวมีสารคล้ายเอสโตรเจน
รับฮอร์โมนเอสโตรเจน


       "ไม่ควรจะเครียดกังวลกับปัญหานี้มากเกินไปจนเสียสมดุลในชีวิตประจำวันและความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ปัญหาช่องคลอดแห้งในผู้หญิงวัยทองเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ และจะหายไปโดยเฉลี่ยประมาณ 4 ปี ไม่ได้เป็นตลอดชีวิต การดูแลตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจเป็นสิ่งสำคัญ และหากสามารถทำได้ตั้งแต่ยังไม่เข้าสู่วัยทองก็นับเป็นเรื่องดี" นพ.ก้องศาสดิ์ กล่าวทิ้งท้าย...


ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
www.manager.co.th : 16 มิถุนายน 2555 13:11 น.




วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ผู้ชายเชื่อกันว่า “เจ้าโลก” ยิ่งใหญ่ยิ่งดี ผู้หญิงบางคนก็อาจพยักหน้าเห็นด้วย ทำให้หนุ่มไทยที่เจ้าโลกมีความยาวมาตรฐานเฉลี่ย 4-5 นิ้ว เห็นว่า “จิ๋ว” เกินไป จึงพยายามสรรหาทั้งยากินยาทามาถูนวดบำรุงกันอย่างหนัก หวังให้มังกรน้อยกลายเป็นมังกรยักษ์

       หากหนุ่มคนไหนมีไซส์ใหญ่กว่านี้ คงคิดว่าตัวเองโชคดี ไม่ต้องทาถูๆ “กระปู๋” ของตัวเอง
       อ๊ะ..อ๊ะ..แต่ถ้ามีของใหญ่คับฟ้าแล้วใช้งานไม่เป็น ก็ “เสียของ” เปล่าๆ
       ดังนั้น ผู้ชายที่มีอาวุธลับเกินพิกัดทั้งหลาย โปรดฟังอีกครั้ง...
       ถ้าอยากให้เจ้าโลกบิ๊กเบิ้มได้บรรเลงบทรักอย่างสุขสมกับสาวคนรัก ต้องทำตามคำแนะนำต่อไปนี้ ที่รับรองเห็นผล จนคุณต้องกระซิบบอกเธอว่า
       “ถ้าชอบ กด Like ถ้าใช่ กด Love นะจ๊ะที่รัก”
1.ชโลมเจลหล่อลื่นเยอะๆ

       แม้คุณจะเล้าโลมจนน้องสาวเธอเริ่มเยิ้มฉ่ำแล้วก็ตาม แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะช่วยให้การบุกทะลวงของน้องชายไซส์ XL เป็นไปอย่างราบรื่น ดังนั้น คุณจึงควรใช้เจลหล่อลื่น เพราะจะช่วยลดการเสียดสีได้มาก ทำให้น้องหนูไม่เจ็บระบบจนเกินไป
       เจลที่ใช้ควรมีส่วนผสมของน้ำหรือซิลิโคน ซึ่งเข้ากันได้ดีกับการใช้ถุงยางอนามัย และหลีกเลี่ยงเจลที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ เพราะมันจะทำให้กระปู๋ติดเชื้อราได้
       ส่วนวิธีทาเจลแบบเร้าอารมณ์ โหมไฟสวาท ต้องให้สุดเลิฟของคุณช่วยทาในช่วงอุ่นเครื่อง รับรองน้องชายเด้งดึ๋งเร็วทันใจ





2.หลีกเลี่ยงเซ็กซ์ประตูหลังและท่าด็อกกี้
       เพราะธรรมชาติไม่ได้สร้างช่องทวารหนักของผู้หญิงไว้ให้ผู้ชายใช้เล่นจ้ำจี้ มันจึงไม่มีความยืดหยุ่นเหมือนช่องสวรรค์ ซึ่งมีไว้เพื่อการเมกเลิฟและคลอดลูกโดยเฉพาะ แต่หากคุณชื่นชอบประตูหลัง ต้องระวังเจ้ามังกรยักษ์จะทำให้สาวคนรักเจ็บจนหายเสียว..เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
       ส่วนท่าด็อกกี้เป็นท่าเมกเลิฟที่เหมาะสำหรับหนุ่มฤทธิ์มีดสั้น เพราะจะช่วยให้เข้าได้ลึกสุดๆ ส่วนหนุ่มอาวุธด้ามยาวอย่ารินำท่าเจ้าตูบเริงรักมาใช้กับสาวคู่ใจเป็นอันขาด เพราะการแทงข้างหลัง ทะลุถึงหัวใจ อาจทำให้เธอกรี๊ดสลบด้วยความเจ็บปวด


3.ท่ามิชชันนารี, ผู้หญิงอยู่บน หรือตะแคงข้าง..ก็เอาอยู่
       ท่าร่วมรักที่ผู้หญิงนอนหงาย ผู้ชายอยู่บน จะช่วยไม่ให้เจ้าโลกบิ๊กเบิ้มเข้าลึกจนเกินไป จึงเป็นท่า “win-win” ที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายเอนจอยเซ็กซ์อย่างชิลชิล
       สำหรับท่าผู้หญิงอยู่ด้านบน จะทำให้เธอสามารถกุมบังเหียน ขับเคลื่อนแท่งขีปนาวุธให้ตื้นลึกได้ตามใจชอบ คุณผู้ชายแค่นอนมองดูส่วนเว้าส่วนโค้งที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะรัก ก็ช่วยบิวด์อารมณ์ให้ฮอตสุดๆ พร้อมจะขึ้นสวรรค์ไปกับเธอในบัดดล
       แต่ท่าเมกเลิฟที่เวิร์ก สุดสำหรับบุรุษเจ้าโลกไซส์ XL ต้องเป็นท่านอนตะแคงข้างเข้าหากัน ที่แม้จะทำให้หนุ่มๆ ขับเคลื่อนเจ้าโลกได้ไม่ถนัดนัก แต่การกอดจูบลูบคลำเรือนร่างไปด้วย ก็ช่วยให้ถึงสวรรค์ได้ไม่ยาก



4.กระดึ๊บๆ เข้าไป
       กฎเหล็กข้อหนึ่งที่หนุ่มนักรักควรรู้ คือ ไม่ควรเซอร์ไพรส์สาวคู่นอนด้วยการดันมังกรเข้าถ้ำทันทีที่เปิดฉากรัก เพราะมังกรขนาดใหญ่ยักษ์จะทำให้เธอต้องผงะด้วยความเจ็บปวด
       ทางที่ดี ควรท่องคาถา “เข้าช้าๆ แต่อัดแน่นๆ” แล้วค่อยๆ กระดึ๊บๆ เข้าไปอย่างช้าๆ ให้สาวคนรักค่อยๆ รู้สึกถึงความอวบอัดของมังกรยักษ์ที่เพิ่มขนาดขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เธอเสียวซ่านไปทั่วตัวและหัวใจ









ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
www.manager.co.th
 ภาพ : อินเตอร์เน็ต

สาวเวอร์จิ้น ดีตรงไหน...


 ไล่สายตาสแกนหาข้อมูลเด็ดๆ ทั้งในเน็ตและในหนังสือ เพื่อที่จะนำมาเสิร์ฟให้หนุ่มๆ Taste ได้รู้กัน เราก็ไปเจอเข้ากับบทความชิ้นหนึ่งบนหน้ากระดาษของนิตยสาร HOT ซึ่งตั้งคำถามอย่างน่าสนใจว่า ผู้ชายเดี๋ยวนี้ต้องการผู้หญิงแบบไหน ระหว่างผู้หญิงที่ยังเวอร์จิ้นในเรื่องเพศ กับหญิงที่มากประสบการณ์ นอกจากนั้น ยังวิเคราะห์ต่อไปอีกถึงข้อดี-ข้อเสีย ของสาวทั้งสองแบบ
       เราเลยย่อบทความชิ้นนั้น มากำนัลแด่หนุ่มๆ เก็บไว้เป็นอีกหนึ่งข้อมูลไว้ใคร่ครวญ...

 สาวบริสุทธิ์
       ข้อดี : ผู้ชายบางคนรู้สึกภาคภูมิใจมากในการเป็นชายคนแรกของผู้หญิง พวกเขาจะมีความสุขมากในบทบาทครูและนักเรียน ด้วยคาดหวังว่า ผู้หญิงของเขาจะถูกฝึกให้เข้ากับความต้องการของพวกเขา อีกอย่าง การเป็นชายคนแรกทำให้ผู้ชายลดอาการกดดันในการที่จะต้องเก่งในเรื่องบนเตียงลงได้มาก เนื่องจากแฟนสาวแสนบริสุทธิ์ของพวกเขา ไม่อาจจะไปเปรียบเทียบเรื่องนี้กับใครได้ ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตเลยล่ะ
       ข้อเสีย : ถ้าผู้ชายได้แฟนเป็นสาวบริสุทธิ์ล่ะก็ มันคงยากที่จะได้ในสิ่งที่สาวยังไม่พร้อมให้ และโอกาสที่สาวจะปฏิเสธการมีความสัมพันธ์ทางเพศก่อนแต่งก็มีความเป็นไปได้สูงถึงสูงมาก คงเป็นช่วงเวลาแห่งความทรมานของคุณผู้ชายทั้งหลายแน่ๆ
       และถึงแม้คุณจะเป็นคนแรกของเธอ โอกาสที่เธอจะไม่ได้เรื่องบนเตียงก็มีมาก เพราะเธอไม่เคยมีประสบการณ์ฒาก่อน และลืมได้เลย เรื่องทีเด็ดบนเตียงทั้งหลาย มันคงยากที่จะให้สาวมือใหม่ทำออรัลให้คุณหรอกนะ
       
       สาวผู้มีประสบการณ์
       ข้อดี : การมีแฟนที่ไม่บริสุทธิ์นั้น ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นพ่อพระหรือสุภาพบุรุษ เพราะผู้หญิงบางคนก็ต้องการหาชายหนุ่มมาเติมเต็มอารมณ์ของพวกเธอ ถ้าคุณทั้งคู่ต่างก็มีประสบการณ์สูง อรรถรสเรื่องเพศของคุณทั้งสอง คงเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก
       ข้อเสีย : ชายหนุ่มที่มีประสบการณ์ทางเพศน้อยกว่าแฟนสาว ก็คงจะประสาทเสีย ถ้าแฟนคุณเป็นพวกช่ำชอง นอกจากนั้นคุณอาจถูกรบกวนจากชีวิตรักในอดีตของเธอ
       


ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
 ภาพ : อินเตอร์เน็ต
www.manager.co.th : 14 มิถุนายน 2555 16:06 น.





วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2555

หมดปัญหา เท้าเหม็นอับสุดยี้ในช่วงหน้าฝน




หน้าฝนทั้งที นอกจากจะต้องเตรียมพร้อมทั้งเมกอัพกันน้ำ และพกร่มให้อุ่นใจแล้ว เรื่อง “เท้า” ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จะละเลยไม่ได้ เพราะเป็นตัวการทำให้เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ในหน้าฝน เรามักจะต้องเดินย่ำฝน หรือเจอน้ำขังกันได้บ่อยๆ และแน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาก็คือ กลิ่นเหม็นอับ จากเท้าหรือรองเท้าที่สวมใส่ จนต้องโดน “ยี้” จากคนรอบข้าง เรามีเคล็ดลับการดูแลรักษาเท้าให้ปลอดกลิ่นกันค่ะ
       
       - หลังจากฝ่าฝน หรือลุยน้ำมา ควรทำความสะอาดเท้า โดยใช้สบู่ขจัดแบคทีเรีย ขัดถูให้สะอาด และเช็ดให้แห้งสนิททั้งเท้าและบริเวณซอกนิ้วเท้า ควรทำเป็นประจำทุกวัน
       
       - ใช้แป้งทาตัว โรยให้ทั่วเท้าและซอกนิ้วเท้า
       
       - ควรตัดเล็บเท้าให้สั้น และทำความสะอาดซอกเล็บอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เชื้อแบคทีเรียหมักหมม
       
       - ถ้าสวมถุงเท้า ควรเลือกเป็นถุงเท้าผ้าฝ้าย และเปลี่ยนถุงเท้าคู่ใหม่ทุกวัน
       
       - ไม่สวมรองเท้าที่คับจนเกินไป และเลือกรองเท้าที่ระบายอากาศได้ดี
       
       - ไม่ควรสวมรองเท้าคู่เดิมติดกัน 2 วัน ควรสับเปลี่ยนเอารองเท้าคู่อื่นมาสวม เพื่อไม่ให้รองเท้าคู่เดิมอับชื้น
       
       - ทำความสะอาดรองเท้าเป็นประจำ ด้วยการ ซัก เช็ด หรือนำไปตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
       
       - ถ้าทำได้ ควรปล่อยให้เท้าได้พัก เปลือยเปล่า ไม่สวมถุงเท้าหรือรองเท้า เพื่อเป็นการระบายกลิ่นและความชื้น
       
       - ใช้สเปรย์ระงับกลิ่นเท้า ฉีดบริเวณฝ่าเท้าก่อนสวมรองเท้าทุกครั้ง
       
       - หมั่นตรวจเช็คเท้าอย่างสม่ำเสมอ ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น มีแผล รอยบวม คัน หรือมีกลิ่นเท้ารุนแรง ควรปรึกษาแพทย์
       
       Tips ดับกลิ่นเท้าด้วยวิธีธรรมชาติ ลองใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติเหล่านี้กับเท้าของคุณเป็นประจำ สม่ำเสมอ จะช่วยลดกลิ่นเหม็นอับของเท้าได้
       
       >> น้ำมะนาวผสมกับน้ำเปล่าในปริมาณที่เท่ากัน ชุบสำลีแล้วเช็ดให้ทั่วทั้งฝ่าเท้า นิ้วเท้า ง่ามนิ้วเท้า จากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด
       
       >> น้ำร้อนผสมกับเกลือสมุทร คนให้เข้ากัน แล้วบีบน้ำมะนาวผสมลงไป เติมน้ำเย็นให้น้ำอุ่นพอดี แช่เท้าประมาณ10 นาที ระหว่างนั้นก็ขัดเท้าและนวดเท้าไปด้วย
       
       >> นำถุงน้ำชาที่ชงแล้ว 4-5 ถุงมาแช่ใส่อ่างผสมน้ำอุ่นและนำเท้าแช่ลงไปประมาณ 15 นาที
       
       >> ผสมน้ำมันยูคาลิปตัสและเกลือทะเลในน้ำอุ่น แช่นานประมาณ 10 นาที :: Report by FLASH

       >> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net หรือ App Store ได้แล้วที่ celeb online ipad edition


ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
www.manager.co.th  : 14 มิถุนายน 2555 08:13 น.




พ่อแม่แบบไหนทำลูกมึน เปลี้ย เอียน หน่าย

เรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป ผู้ทำงานด้านพัฒนาเด็ก ครอบครัว และชุมชนที่ด้อยโอกาส
พฤติกรรมหลายๆ อย่างของพ่อแม่ในยุคนี้ส่งผลให้ลูกเข้มแข็ม ในขณะที่พฤติกรรมหลายๆ อย่าง อาจส่งผลให้ลูกอ่อนแอ พร้อมกับรู้สึกเหนื่อยใจ และต้องถอนหายใจออกมาแรงๆ ด้วยความหงุดหงิด เมื่อเป็นเช่นนี้ อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกตามมาได้ วันนี้เรามีข้อมูลดีๆ จาก เรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป กรรมการผู้จัดการมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก และนักวิจัยด้านศึกษา และพัฒนาการศึกษาเด็กปฐมวัยเกี่ยวกับรูปแบบความเป็นพ่อแม่ที่ทำให้ลูกมึน เปลี้ย เอียน และหน่ายมาฝากกัน เริ่มจาก

       
       พ่อแม่ในตำรา
       
       พ่อแม่ในกลุ่มนี้มักจะมีหลักการทางวิชาการมาสนับสนุน การเลี้ยงลูกจึงถูกวางแผนตามข้อเสนอแนะของแพทย์ นักพัฒนาการ และนักโภชนาการ หรือนักพัฒนาการของลูกในแต่ละขวบปี รวมไปถึงต้องมีการกระตุ้นด้วยของเล่นตามหลักการ เล่นอย่างเหมาะสมกับวัย เรียกได้ว่าทุกอย่างต้องพึ่งพานักวิชาการไปทุกเรื่องในทุกขั้นตอน เพราะไม่เช่นนั้นจะรู้สึกไม่มั่นใจ ซึ่งการเลี้ยงลูกในลักษณะนี้ อาจทำให้ลูกเกิดอาการมึนได้ ทางที่ดี ควรลดความเป็นวิชาการลงบ้าง เนื่องจากบางเรื่องบางปัญหาไม่ต้องเป๊ะเหมือนในหนังสือทุกอย่างก็ได้
       
       มีความวิตกกังวลสูง
       
       ส่วนใหญ่จะเป็นพ่อแม่มือใหม่ที่ชอบวิตกกังวลไปทุกเรื่อง ชอบตีตนไปก่อนไข้ กลัวว่า ลูกจะไม่สมบูรณ์ กลัวว่า ลูกจะไม่เหมือนลูกคนอื่น โตขึ้นจะไม่เก่ง ไม่ฉลาดปราดเปรื่อง ในขณะเดียวกัน จะทะนุถนอมลูกมาก ช่วยเหลือลูกตลอด ไม่พาลูกออกไปเล่น เพราะกลัวจะถูกรังแก หรือไม่ปล่อยให้ลูกมีอิสระในการเล่น เวลามีปัญหาอะไรจะเข้าไปประคบประหงมลูกทุกเรื่องจนลูกไม่รู้จักความยากลำบาก พ่อแม่ในกลุ่มนี้อาจทำให้ลูกง่อยเปลี้ยได้ ทางที่ดี ควรลดความกลัว และความวิตกกังวลลงมาบ้าง ไม่เช่นนั้น อาจทำให้คุณและลูกเครียดไปตามๆ กันได้
       
       ไร้เหตุผล ตามใจลูกทุกอย่าง
       
       พ่อแม่ในกลุ่มนี้ เวลาลูกอยากได้อะไรเป็นต้องได้ ไม่กล้าดุไม่กล้าสอนลูก ทำทุกสิ่งที่ลูกต้องการ ปรนเปรอลูกจนล้น ทั้งของเล่น ขนม และอื่นๆ จนบางครั้งลูกแสดงอาการเอียน หรือเฉยๆ กับสิ่งที่พ่อแม่ให้ หรืออาจกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจได้ ทางที่ดี ควรมีเหตุผล ไม่ใช่ตามใจกันทุกเรื่อง
       
       ระเบียบจัด ชอบคาดหวัง
       
       พ่อแม่ในกลุ่มนี้ มักจะคิดเสมอว่า การเลี้ยงลูกให้ดีได้ต้องเลี้ยงให้อยู่ในบรรทัดฐานของตัวเอง ลูกจะได้เป็นไปตามที่คาดหวัง จึงเป็นผู้กำหนดตารางชีวิตให้ลูกทุกสิ่งทุกอย่างตามที่พ่อแม่เห็นว่าดี ลูกเป็นเพียงผู้รับคำสั่งแล้วทำตาม เช่น ต้องทำอย่างนั้น ต้องเล่นแบบนี้ เนื่องจากเชื่อว่า สิ่งที่พ่อแม่จัดให้ล้วนเป็นสิ่งที่ดีที่สุดทั้งสิ้น นอกจากนั้นยังมีรายละเอียดการใช้ชีวิตมากมายทั้งเรื่องการกิน การนอน หรือการเรียน เรียกได้ว่าทุกอย่างต้องเป๊ะ เมื่อเป็นเช่นนี้ อาจทำให้ลูกมีอาการ “หน่าย” จนเกิดเป็นความกดดัน และความเครียดตามมาได้ ทางที่ดี ควรลดความระเบียบจัด และความคาดหวังลงบ้าง เรื่องไหนที่พอจะยืดหยุ่นได้ก็ควรพูดคุย หรือตกลงกันด้วยท่าที และคำพูดที่ไม่ทำร้ายความรู้สึกของลูก



*** แบบไหนคือ “พ่อแม่” ที่ลูกปรารถนา?
       
       สำหรับพ่อแม่ที่ลูกๆ ปรารถนา เรื่องนี้ เรืองศักดิ์ ให้ความเห็นผ่านทีมงาน Life & Family ว่า ควรเป็นพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกแบบสบาย ๆ ไม่สุดโต่งไปด้านใดด้านหนึ่ง ใช้ชีวิตอย่างพอดีๆ เข้มงวดบ้าง ผ่อนปรนบ้าง เปิดโอกาสให้ลูกได้เล่นอย่างอิสระ ได้คิด ได้ทำอะไรๆ ด้วยตัวเอง เมื่อเห็นลูกทำดี ทำอะไรสำเร็จตามวัยของลูก ก็แสดงความชื่นชม รู้ว่าจังหวะไหนควรสอน เช่น เวลาใดที่ลูกควรเรียนรู้อะไรใหม่ๆ
       
       นอกจากนั้น เมื่อลูกผิดหวังหรือพบความเจ็บปวด ควรให้กำลังใจอย่างสุภาพอ่อนโยน ปลอบใจไม่ทับถม ที่สำคัญ เมื่อลูกทำผิด คิดพลาดก็ควรให้อภัย และไม่ควรขุดเอาเรื่อง หรือเหตุการณ์เก่าๆ ขึ้นพูดมาซ้ำย้ำรอยอีก เพราะถ้าพ่อแม่ไม่ให้อภัย ลูกก็จะไม่สามารถลุกขึ้นเริ่มต้นใหม่ได้เลย
       
       “อยากบอกพ่อๆ แม่ๆ ทุกคน ว่า คำพูดและการกระทำของพ่อแม่นี่แหละ ที่ทำให้ลูกสัมผัสและรับรู้ถึงความรักได้มากที่สุดดีกว่าการพร่ำพูดว่ารักผ่านข้อความทางโทรศัพท์ หรือระบบดิจิตอลใดๆ ดังนั้น การให้เวลาที่ดี มีคุณภาพกับลูกเป็นเรื่องที่พ่อแม่ต้องให้ ก่อนที่อะไรๆ จะสายเกินแก้ เรื่องอย่างนี้ใครก็ทำแทนใครไม่ได้หรอก อยากได้ต้องลงมือ ลงใจทำเอง สำหรับลูกแล้ว พ่อแม่ต้องทำดี อย่าเดี๋ยว" ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาเด็ก และครอบครัวท่านนี้ฝากทิ้งท้าย
       
       /////////////
       
       อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจากหนังสือสร้างลูกรักให้เป็นนักอ่าน ร้อยเรียงโดย เรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป สำนักพิมพ์ แปลนฟอร์ คิดส์ จำกัด


ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
www.manager.co.th : 12 มิถุนายน 2555 12:11 น.