This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

คับข้องใจเรื่องบนเตียง คุยกับสามีอย่างไร...@Bitchy

By Lady Manager @Bitchy


ชีวิตคู่นอกจากต้องมีความรักความปรารถนาซึ่งกันและกันแล้ว ต้องมีความเข้าอกเข้าใจกันในเรื่องรสนิยมความต้องการทางเพศด้วย
       ถึงจะแต่งงานมีลูกสาม อยู่ด้วยกันมาแล้วเหยียบยี่สิบปี ไม่ได้หมายความว่าชีวิตเซ็กซ์จะจี๊ดจ๊าดซาบซ่านตล๊อดนะจ๊ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงเรา ไหนจะผ่านการผ่าคลอด เหน็ดเหนื่อยจากงานข้างนอก กลับมาต้องหาข้าวหาปลาให้ลูกให้ผัวกิน ตกดึกขึ้นเตียงจะคึกทันทีได้อย่างไร หรือบางนางอยากให้คุณสามีจุ๊บน้องสาวบ้าง เปลี่ยนบรรยากาศเข้าครัวทำรักบ้าง เปลี่ยนท่าซ้ำซากฉันขออยู่บนบ้าง ..ก็ไม่กล้าเอ่ย!
       ชีวิตแต่งงานที่ดีคือ ทั้งคู่ช่วยกันแก้ไขปัหาเซ็กซ์ด้วยกัน” คิมเบอร์ลี่ เอ.ชาร์กี้ (Kimberly A. Sharky) เซ็กซ์เทอราปีสในชิคาโก กล่าวว่า “คุณต้องคุยกับคู่ของคุ
       ปัญหาคือ จะเปิดประเด็นคุยอย่างไรเพื่อให้สามีหันมาร่วมด้วยช่วยกัน… 




ลำดับแรก อย่าหยิบยกขึ้นเตียง
       ตอนคุณทั้งคู่เปลือยกายล่อนจ้อนไม่ใช่ช่วงเวลาสำหรับการถกเถียงวิเคราะห์ปัญหาเซ็กซ์กันหรอกนะ จำไว้ให้ขึ้นใจเลย เพราะขืนคุณเปิดประเด็นปั๊บ น้องจู๋ที่กำลังเริ่มปึ๋งปั๋งมีหวังหดกลับเข้าไปในกระดอง กลายเป็นตะพาบน้ำแน่นิ่ง ขณะที่ภายในใจของคุณผู้ชายเดือดปุ๊ดๆ พาลอารมณ์เสีย ใจปฏิเสธ..แม้แต่รับฟัง… …
        “ห้องนอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนเตียงควรเป็น สถานที่อบอุ่นหลบภัย ไม่ใช่เวทีร้องเรียน” คิมเบอร์ลี่ แนะให้เลือกหาสถานที่กลางๆ อย่าง ร้านอาหารโรแมนติก อันอวลไปด้วยบรรยากาศซึ้งๆ ซึ่งช่วยให้คุณทั้งคู่ผ่อนคลายคุยเรื่องเอ็กซ์ ชิมิสองเรา
    
   
       ลำดับสอง ต้องวางแผน เกริ่นนัดว่าจะคุย
          เพราะเซ็กซ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน คุณจะมาใช้อารมณ์หญิง พูดโพล่ง สักแต่ได้ระบายใส่สามีไม่ได้
       “ถ้าสามีของคุณรู้สึกถูกโจมตี เขาจะต่อต้าน” คิมเบอร์ลี่ ยังแนะให้บอกสามีไปเลยว่าคุณจะขอคุยเรื่องนี้ เพื่อทั้งคุณและเขาจะได้มีเวลาเตรียมตัวคิดไตร่ตรองรอบด้านอย่างลึกว่า ต้องการพูดอะไรจริงๆ
                            


       ลำดับสาม ย้อนระลึกถึงวันวานที่สองเราฮอทฮีตสวีทตี้
        แทนที่จะเปิดประเด็นคุยอย่างซีเรียส ราวกับถกปัญหาการเมือง ลองระลึกความหลัง กลับไปหาความรู้สึกหวานหวิวดีๆในอดีต ที่คุณทั้งสองเคยทำด้วยกัน มันจะนำมาซึ่งการพูดคุยเรื่องเซ็กซ์ด้วยจิตใจยินดีเปิดกว้างอย่างกันเอง
        ก็ส่งสัญญาณไปยังสามีจอมบื้อหน่อยซี่ อาทิ “ชอบจังเหมือนก่อนเราจูบกันน้านนาน คุณจูบอร่อยมาก อยากได้อย่างนั้นอีก”, “หนูชอบนะเวลาที่พี่แอบเข้ามาโอบข้างหลัง ตื่นเต้นเกิดอารมณ์ดี!” …จัดไป
ลำดับสี่ ผู้ชายไม่มีทางรู้อัตโนมัติหรอกว่าจะเอาใจคุณยังไง
        เมื่อก่อนคุณอาจเสพสมและสุขสม ซึ่งคุณสามีอาจแค่คลำสะเปะสะปะก็ได้ ทว่าอย่าลืมนะคะว่า ช่วงแรกๆ นั้นน่ะ ข้าวใหม่ปลามัน แค่เห็นหน้าหรือได้ยินเสียงเขา คุณก็น้ำแตกแล้ว
       “ความเคยชินซ้ำซากไม่เวิร์คเสมอไป” ทอดด์ เครอเกอร์ (Todd Creager) นักเขียน Hot Marriage แถวลอสแองเจอลิส อธิบายข้อเท็จจริงตามภาวะวัยฝ่ายหญิงว่า การมีลูกหรืออายุที่มากขึ้นย่อมส่งผลต่อการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ
       ถ้าคุณไม่บอกเขาว่าอะไรเวิร์ค อะไรไม่เวิร์คซะแล้ว ..เขาจะรู้ได้ยังไง
       “เหมือนแผนที่ ต้องคอยอัพเดทเส้นทางใหม่ๆ ตลอดเวลา” ทอดด์ เปรียบเทียบให้เห็นภาพ
       


       ลำดับห้า ต้องชัดเจนว่าตัวเองต้องการอะไร
       “หากไม่แน่ใจตัวเองว่าต้องการอะไรกันแน่ คุณก็จะไม่มีทางสื่อสารกับคู่ของคุณได้หรอก” ทอดด์ เชียร์ให้ค้นหาความต้องการของตัวเองจริงๆ และกล้าที่จะพูดอย่างตรงไปตรงมาด้วยความสุภาพอ่อนโยน
       อย่ามัวเขินอายหรือกระดากที่จะพูดเลยค่ะ ในเมื่อ ‘เขา’ คือ คนที่คุณยอมแก้ผ้านอนด้วยตั้งหลายปี ก็ไม่น่าเขินที่จะเปิดอก
      สิ่งน่าอายคือ การโกหกคนรักต่างหาก
     การปกปิดให้เขาหลงเข้าใจผิดว่า ลีลาของเขายังทำให้คุณแฮปปี้อยู่ เป็นบาปใหญ่ชีวิตคู่นะคะ ตรงกันข้าม การเปิดเผยความในใจเรื่องลับๆ ลึกๆ ซึ้งๆ นี้แล้ว จะช่วยก่อให้เกิดความสนิทสนมกันอย่างแนบแน่นมากขึ้นด้วยซ้ำ ทั้งนี้ต้องพูดอย่างนุ่มนวล และแยบยลค่ะ
       


       ลำดับหก ห้ามตำหนิ ดูถูกดูแคลนเขาเด็ดขาด
      ผู้หญิงจำนวนไม่น้อย ใช้ชีวิตผัวเมียนานปียิ่งนิสัยลามปาม เผลออำผัว ..ตาแก่ พุงโย้ จู๋เล็ก ..ช้าจัง เมื่อยขา ..อ๊ะ เสร็จแล้วเหรอ หรือไม่ก็ขี้บ่นแม้กระทั่งบนเตียง ..โอ้ย โดนผม เจ็บ ..ไม่เอา อย่าขยำนม ทำมาแพง ฯลฯ นานาสารพัดวาจาบั่นทอนอารมณ์ ทำลายบรรยากาศ 
 ไม่มีใครชอบถูกตำหนิหรอกค่ะ เพราะนอกจากทำให้เสียความมั่นใจแล้ว ยังพาลอารมณ์เสีย ไม่ให้ความร่วมมืออะไรเลย
      “และห้ามพูดทำนองว่าเราจำเป็นต้องแก้ปัญหาเซ็กซ์ของเรากันแล้วล่ะ” ทอดด์สอนหญิงใช้ภาษาเชิงบวก... “รู้ค่ะ คุณอยากให้ฉันมีความสุข และฉันก็อยากให้คุณมีความสุข เรามาทำมันให้สนุกขึ้นดีมะ”
       เพราะความสุขที่แท้จริงไม่ควรเกิดกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเท่านั้น หากควรจะได้รับการแบ่งปันซึ่งกันและกัน
     
  
       ลำดับเจ็ด ตัวคุณเองเป็นบุรุษที่1 ในการสนทนา
              “มันไม่ใช่สิ่งผิดสิ่งถูก แต่เป็นสิ่งที่คุณต้องการ” ทอดด์ ยกตัวอย่างแทนที่จะพูดว่า “คุณเล้าโลมฉันน้อยไป”
        จงพูดว่า “ฉันอยากให้คุณกอดจูบฉันนานขึ้นอีกนิด สัมผัสหน้าอกฉันนานขึ้นอีกหน่อย นะคะที่รัก แล้วค่อย…”
       


       ลำดับแปด แสดงออกซึ่งไร้คำพูดด้วย
        การอยากได้ในสิ่งปรารถนาไม่ได้หมายความว่า ต้องเป็นคำพูดออกจากปากเท่านั้น
      “การกระทำ ภาษากาย และน้ำเสียง สามารถช่วยได้” ตาทอดด์ พยายามสรรคิดวิธีช่วยให้สาวเราสื่อสารกับสามี
       คุณอาจดึงมือคนรักไปวาง ณ จุดที่ตัวเองต้องการ หรือเคลื่อนไหวศีรษะ พลิกร่างกายไปในทิศทางที่ต้องการ เหล่านี้ล้วนชี้ให้เขารู้ว่าคุณกำลังมีความปรารถนาอะไร
       สำคัญคือ คุณต้องผ่อนคลาย และแสดงออกอย่างออดอ้อน ไม่ใช่บังคับเขา
ลำดับเก้า มีทางออกในใจ แต่ไม่ลืมที่จะเปิดกว้างรับไอเดียของเขา
             ต้องเป็นผู้ฟังที่ดี และพร้อมเปิดกว้างรับความคิดเห็นของเขาด้วย
         “บางทีเขาอาจมีความคิดดีๆ ที่คุณนึกไม่ถึงมาก่อน” คิมเบอร์ลี่ เซ็กซ์เทอราปีสคนเดิม แนะว่า ให้พบกันครึ่งทาง              “พวณอาจไปหาหนังสือหรือวีดิโอดูด้วยกัน เพื่อปรับปรุงชีวิตเซ็กซ์ด้วยกัน”
       


       ลำดับสิบ จำไว้ นี่ไม่ใช่การสนทนาเซ็กซ์ครั้งเดียวจบ
        การที่ผัวเมียมานั่งพูดคุยเรื่องบนเตียงกัน ไม่ใช่ประเด็นคอขาดบาดตาย และก็ไม่ใช่หัวข้อที่คุยกันครั้งเดียวในชีวิตคู่ ตรงกันข้าม ควรหมั่นเช็ครสนิยมความต้องการทางเพศซึ่งกันและกันสม่ำเสมอด้วยซ้ำ เสมือนวางแผนเรื่องเงินเรื่องลูก ร่วมด้วยช่วยกัน แล้วชีวิตคู่บนเตียงของคุณก็จะไม่น่าเบื่อ


       ขอให้ชีวิตเซ็กซ์กระชุ่มกระชวยค่า
อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ 
 http://www.celeb-online.net


ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
http://www.manager.co.th
http://www.akinoshop.com

โรงหนัง...โรงกาม...




โรงหนัง...โรงกาม...


ทีมข่าว Live กำลังจะพาคุณเข้าไปสัมผัสกับโรงหนังชั้นสองย่านสะพานควาย...
       ที่นี่คือโรงหนังที่ใครๆก็คิดว่า ฉายหนังประเภทปลุกใจเสือป่า ซึ่งยังมีอยู่ปะปรายในพื้นที่ของกรุงเทพฯ แต่ที่นี่มันไม่ใช่แค่นั้น...
       “โรงหนังโป๊” กำลังจะตาย ด้วยอิทธิพลจากหนังแผ่น ซีดี และโลกออนไลน์ โรงหนังประเภทนี้จึงค่อยๆอำลาจากไป ปิดตัวลง ขณะที่บางแห่งต้องปรับตัวเองเพื่อความอยู่รอด ดั่งเช่นโรงหนังแห่งนี้...
       ที่นี่มีอะไร...เรากำลังพาทุกท่านไปหาคำตอบ...
       
       เวลา12.06 น.เริ่มสำราจ
       แผ่นป้ายหน้าทางเข้า สื่อสารว่า “เปลี่ยนหนังใหม่ทุกวันอังคาร และพฤหัสบดี” อักษรพลาสติกถูกเรียงวางเหมือนไม่สนใจนัก
       หลังจากสำรวจรอบๆโรงหนังที่เต็มไปด้วยร่องรอยของวันเวลาที่บรรจุความเก่าไว้เต็มคราบโทรมของตึก มีจุดขายตั๋วช่องเล็ก อัตรา 50 บาทต่อการเข้าชมภาพยนต์
       


       เมื่อพนักงานฉีกตั๋วปล่อยเราเข้าสู่โรงภาพยนตร์ สิ่งแรกที่สะดุดตาที่ด้านขวาบริเวณห้องน้ำหญิง มีสาวประเภทสอง ยืนอวดสายตาในชุดสายเดี่ยวโชว์เนื้อหนัง คนหนึ่งยืนส่องกระจกจัดผม อีกคนนั่งที่เบาะยาวด้านหน้าไขว่ห้างแบบให้เห็นสรีระที่เธออยากโชว์
       ทีมงานเดินเข้าไปตัดสินใจ เดินไปทางซ้ายของทางเข้า มืดสลัวๆ ต้องปรับสายตาให้ชินกับความมืดเพราะที่นี่ ไม่มีคนเดินตั๋ว ไม่มีไฟฉาย ต้องเดินและเลือกที่นั่งเอง ทีมงานเลือกที่นั่งด้านหลังเพื่อจะได้สำรวจดูสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นทั่วๆโรงหนังได้ ระหว่างก้าวเดินขึ้นบันได มีคนหลายคนเดินขึ้น-ลงผ่านไป และสงัเกตว่ามีคนจ้องมองเราอย่างผิดสังเกต
       สภาพแวดล้อมบวกกับบรรยากาศทำให้เราเริ่มกลัว ยิ่งสายตาของพวกเขาที่จับจ้อง บางคนถึงขั้นชะโงกเข้ามาใกล้ เหมือนจะมองให้เห็นเค้าหน้าทั้งหมดในความมืด
       สภาพเบาะนั่งชมไม่ถึงขั้นเลวร้าย ยังนั่งได้ และยังมีความนุ่มอยู่ แม้เนื้อผ้าของเบาะจะสากมากก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ผิดจากความคาดหมายก็คือหนังที่ฉายอยู่ไม่ใช่หนังโป๊ หรือหนังอาร์ มันเป็นแค่หนังตลกเกรดบีแบบที่หาได้ตามกระบะหนังแผ่นเท่านั้น...
     
  
       เวลา12.28น. แล้วสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
       
       มีเสียงทักทายดังขึ้น...
       
       “น้องเพิ่งมาที่นี่เหรอ?” ชายคนหนึ่งเข้ามานั่งข้างๆเอนหลังเอ่ยขึ้น พินิจใบหน้าใต้หมวกแก็ปในแสงสลัวลาง และน้ำเสียง เขาน่าจะอยู่ในช่วงปลายสี่สิบ และจากปากคำในความมืด เขาบอกกับเราว่า เขามาที่นี่อาทิตย์ละครึ่ง มาเที่ยง มาเพื่อปลดปล่อย!
       
       “คนมาที่นี่ 90 เปอร์เซ็นต์มาเพื่อเที่ยวกัน ไม่ค่อยมีหรอกที่มานั่งดูหนังเฉยๆ”
       
       เขาเล่าถึงช่วงหลายปีก่อนที่โรงหนังแห่งนี้ยังฉายหนังโป๊ มันยังอยู่ในยุคที่เขายังเรียนหนังสือ เพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ แต่ตอนนั้นมันก็เริ่มมีการประกอบกามกิจกันบ้างแล้ว มาถึงตอนนี้เขาบอกว่า ที่นี่คือที่เที่ยวของกลุ่มชายรักชาย
       “เคยมีผู้หญิงหลงเข้ามาเหมือนกัน เหมือนเขาไม่รู้ มากับแฟน แต่พอเขารู้ว่าที่นี่เป็นยังไง เหมือนเขาคงรู้สึกได้แหละ เขาก็รีบออกไปเลย”
       ในการพูดคุยหลายครั้งที่เขาพูดเป็นเชิงชักชวน เป็นคำพูดประมาณว่า ผู้ชายปกติก็มาที่นี่เหมือนกัน มาเพื่อพักผ่อน อย่าไปคิดมาก
       


       “ออกจากที่นี่มันก็กลับสู่โลกปกติ” เขาเอ่ย
       คำถามหนึ่งถูกตั้งขึ้นกับเรา หลายครั้ง คือ กลัวเหรอ?
       
       “ทำไมไม่ลองดู กลัวเหรอ? หรือกลัวว่าจะติดใจ ผู้ชายบางคนก็เป็นนะ แต่บางคนก็ไม่ แค่มาหาความสุข”
       จากนั้นเขาเล่าถึงกลุ่มคนขายบริการที่ยึดพื้นที่นี้ทำมาหากิน สาวประเภทสองจะอยู่ที่ฝั่งขวา กับบริเวณตรงกลาง บางครั้งพวกเธอจะออกมาหาลูกค้าด้วยการเดินมาลูบจับคนที่นั่งอยู่ อาจเอาหัวอกมาเสียดสีแล้วเสนอราคา 100-200 บาท บางครั้งก็ตื้นมาก หากไม่ต้องการเขาแนะนำให้ลุกหนี
       เราถามถึงการจ้องมองแปลกๆของคนที่นี่ ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้จนแทบหัวชน
       “ปกตินะ ต้องทำแบบนี้จะได้เห็นหน้ากัน” แล้วเขาพูดถึงภาษาของที่นี่ “ถ้าไปนั่งแล้วกางขาแสดงว่าอยากให้ใครมาช่วย ก็จะมีคนเดินเข้าไปหา ถ้ายืนปกติคนก็จะเข้าไปดู อาจจะคุยกันก่อน แล้วตกลงว่าจะทำอะไร ยังไง คนมาที่นี่ก็มีบ้างที่มาคุยๆ ไม่ได้อะไรก็กลับ”
       ระหว่างพูดคุยนั้นเองที่มือของเขาสัมผัสมาที่เข่าของเรา ลูบจับ เขาถามขึ้น
       “น้องชอบแบบไหนล่ะ?”
       ชอบผู้หญิงปกติ...แล้วพี่ล่ะ?
       “พี่ชอบแบบน้องนี่แหละ”
       จากนั้นเอง หลังจากเงียบไปพักหนึ่งเขาตัดสินใจออกไปเดินต่อ ปล่อยเราไว้ในความมืดกับการสังเกตุการณ์ แต่แล้วอยู่ๆก็มีชายอีกคนตรงเข้ามาลูบจับที่ตัวเรา เราต้องวิ่งหนีออกมาที่ริมทางเดิน
       


       เวลา12.52น. เซ็กซ์ในเงาสลัว
       
       ในความมืดที่เรายืนอยู่ริมทางเดิน มันอาจเป็นภาพเลือนลางแต่ก็ค่อนข้างชัดเจน หลายคนในบริเวณนั้นก็เหมือนจะยืนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันเป็นเงาตะคลุ้มของชายคนหนึ่งกำลังออรัลเซ็กส์ให้ชายอีกคนหนึ่งอยู่ที่เบาะของโรงหนัง
       เราสังเกตได้ว่าคนเริ่มมากขึ้น สาวประเภทสองเริ่มออกเดิน และคนหนึ่งบ่นเสียงดังอย่างเป็นเรื่องปกติ
       “อีดอกเอ่ย อย่างนี้ไม่น่าให้มันเลย” เธอเล่าเรื่องราวของเธอที่เราประติประต่อได้ว่า เธอให้เงินใครบางคน แล้ววครบางคนนั้นไม่คืนเงิน
       ระหว่างนั้นคนหลายคนเดินผ่านเราพร้อมชะโงกหน้าเข้ามามองราวจับสังเกต แต่นั่นก็เหมือนเป็นเรื่องปกติ เราเห็นชายหนุ่มสวมสื้อกล้ามร่างใหญ่ผิวขาวเดินเข้า-ออก พบชายในเจลผมตั้งที่โครงหน้าโหนกสูง ตัวเล็กแต่ร่างบึกบึน และมีชาวต่างชาติมีอายุร่างอ้วนเดินวนอยู่แถวห้องน้ำชาย ตอนนี้หนังเปลี่ยนเรื่องแล้ว แต่ก็ไม่ใช่หนังโป๊ เป็นหนังฝรั่งที่ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก อย่างไรก็ตาม ในที่นี้ก็ไม่มีใครสนใจหนังที่ฉายเลยแม้แต่น้อย
       ทันใดนั้นชายคนหนึ่งเข้ามาจับตัวเรา พร้อมยื่นข้อเสนอจะออรัลเซ็กส์ให้ แสงจากริมทางเดินฉายให้เห็นเค้าหน้าชายมีโหนดเครา ผมสั้นเกรียนแต่ติดขนตายาว ทาลิปสติกแดงเยิ้ม และมีกลิ่นแป้ง
       “เราดูดเก่งนะ”
       สิ้นเสียงเขา...เราสลัดแขนแล้วหนีออกมา
       


       เวลา14.15น. เสร็จภารกิจ
       
       เมื่อออกมาบริเวณด้านหน้าทางเข้า ลองสำรวจดูในห้องน้ำชายก็พบถุงยางอนามัยใช้แล้วอยู่ในถังขยะ เป็นไปได้ว่าจะมีการประกอบกิจกามกันในนี้ แล้วตอนนั้นเองที่มีชายคนหนึ่งเดินเข้าถามว่าเราเข้ามาทำอะไร เราจึงตัดสินใจออกมาจากโรงภาพยนตร์แห่งนั้น
       
    
       
       แน่นอนนี่เป็นเรื่องปรากฎการณ์ที่น่าตกใจ แต่มันก็เกิดขึ้นในสังคมเราอย่างเหมือนเป็นเรื่องปกติ คล้ายกับเป็นที่รู้กัน ว่า ถ้าใครจะมาหาความสุขทางเพศ โดยเฉพาะผู้นิยมลักร่วมเพศ ต้องมาที่นี่!! โรงหนัง โรงกาม สถานที่ใจกลางกรุง ซึ่งศีลธรรมอันดีงาม ไม่มีผลต่อพื้นที่นี้อีกต่อไปแล้ว...



ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:


http://www.manager.co.th
ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

แต่งงานร่วมสมัย...ไม่...จำเป็นต้อง...เยอะ...



แต่งงานร่วมสมัย(ไม่)จำเป็นต้อง 'เยอะ' !...เป็นเพราะบริบทของสังคมที่เปลี่ยนไปหรือเปล่าก็รู้ แต่ดูเหมือนว่าการแต่งงานในยุคนี้บอกได้คำว่าเดียวว่า 'จัดเต็ม' ในเรื่องพิธีกรรมอาจมีการย่นย่อบ้าง แต่ในเรื่องงานเลี้ยงเฉลิมฉลองนั้นสุดจะอลังการงานสร้าง
       
       ปีนี้ ก็มีคู่รักจำนวนมากจูงมือเข้าสู่ประตูวิวาห์ ไล่เรียงกันตั้งแต่คนธรรมดาๆ ไปจนถึงผู้ที่มีหน้ามีตาในวงสังคม ชาวไทยเองเชื่อกันว่าการแต่งงานนั้นเป็นการให้เกียรติฝ่ายหญิง ซึ่งนอกจากจะเป็นพิธีสานความสัมพันธ์ความรักระหว่างคนสองคนยังเป็นตัวเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีระหว่างสองตระกูลอีก
       
       งานแต่งงานส่วนใหญ่ในปัจจุบันไม่ได้จบแค่พิธีกรรมทางศาสนาเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้สักแต่ว่าทำพิธีแล้วเข้าเรือนหอ หรือเชิญแขกผู้ใหญ่ที่นับถือมาเป็นสักขีพยาน มันมีความซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเริ่มกันตั้งแต่การคิดธีมงาน จะว่าไปราวกับงานแต่งงานสมัยนี้ถูกปรับโฉมให้เป็นงานอีเวนท์เลยก็ว่าได้ ร่อนการ์ดเชิญแขกเหรื่อยิ่งเป็นที่นับหน้าถือตาในวงสังคมยิ่งดี หรือตรงกับฤกษ์มหามงคลก็ถือเป็นสิริมงคลนักหนา จนบางทีคู่บ่าวสาว และความรัก ได้กลายเป็นส่วนประกอบเล็กๆ ของงานไป ส่วนพระเอกก็คือความยิ่งใหญ่อลังการของงานแต่งงานนั้นเอง
       
       โดยเฉพาะพิธีแต่งงานของดารานักแสดง หรือผู้มีหน้ามีตาในวงสังคม แต่งงานทั้งทีงานนี้ต้องเป็น ทอร์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ กันเสียหน่อย จะธีมสร้างสรรค์, หรูหรา, ท่ามกลางธรรมชาติ หรือเทพนิยาย ก็มีให้เห็นหมด
       
       อาจกล่าวได้ว่าวัฒนธรรมการแต่งงานในสมัยนิยมของประเทศไทยรับอิทธิมาจากต่างชาติดล้วนๆ เพียงแต่เรามีการปรับเปลี่ยนตามบริบททางสังคม ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยาชื่อดัง เล่าให้ฟังว่า วัฒนธรรมการแต่งงานนั้นเรารับมาจากคาทอลิกที่เริ่มต้นจากความรู้ว่าเพียงแค่คนสองคนรักกันนั้นไม่ยั่งยืน อีกอย่างหนึ่งคาทอลิกจะเน้นในเรื่องการรักเดียวใจเดียวสังเกตได้จากการสาบานในโบสถ์ว่าจะมีคู่ครองคนเดียว เลยจำต้องมีพิธีกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องผูกเชื่อมสัมพันธ์เอาไว้
       
        “ถ้าแต่งงานแบบธรรมดาคนไทยมีนิสัย 3A อย่างคือ Adopt รับเข้ามาอย่างเดียว, Adap มาปรับเปลี่ยน, Accumulate กลายเป็นความกลมกลืนว่าเขาทำกันอย่างนี้มาโบราณแต่มันไม่ใช่ เรารับเข้ามาหมดแล้วมาปรับเอง คือมีแต่งเติมออกฝรั่งนิดหนึ่ง กลมกลืนว่าเป็นวัฒนธรรมต้นเอง วัฒนธรรมการแต่งงานมันหลากหลายมาก มาจากจีน อินเดีย ฯลฯ กลายเป็นว่าเราค่อนข้างจะเพี้ยนๆ โดยดูจากฝรั่งก่อน”
       
       อย่างในเรื่องสินสอดทองหมั่น งานเลี้ยงฉลองสมรส เชื้อเชิญแขกผู้ทรงเกียรติ ฯลฯ ก็ล้วนรับอิทธิพลมาจากตะวันตก เพียงแต่มีการปรุงแต่งให้เข้ากับทัศนคติของคนไทย ที่ดูจะฟุ้งเฟ้ออยู่ไม่น้อยจนกลายเป็นสิ่งที่ยึดปฏิบัติมาจนทุกวันนี้
      

       “รับเข้ามาแล้วก็มาเวอร์ เป็นเรื่องการเชิดหน้าชูตากันจนไม่รู้ว่าการแต่งงานจริงๆ คือคนสองคนรักกันมันเป็นความจริงใจมากกว่าเปลือกนอกที่ให้มากรักมาก มันเพี้ยนไปหมด เป็นวัตถุสิ่งของภาพนอกเปลือกนอกไปหมด”
       
       พิธีการแต่งงานในปัจจุบันค่อนข้างจะยุ่งยากซับซ้อน การที่จะให้คู่บ่าวสาว เครือญาติ หรือเพื่อนๆ ช่วยเป็นธุระในการจัดการให้งานก็อาจออกมาไม่ตรงใจนักเรียกว่าเสียทั้งแรงทั้งเวลา ตรงนี้เองก็มีออแกไนซ์เซอร์มือฉบังเข้ามาเป็นตัวช่วยจัดเตรียมพิธีแต่งงาน ซึ่งก็ดูเหมือนว่าปัจจุบันจะเป็นที่นิยมกันมากขึ้นเรื่องๆ
       
       ธนกฤต เตชะปฐมานนท์ ผู้จัดการร้าน TK Center Organizer เปิดเผยว่า การที่คู่แต่งงานหันมาใช้ออแกไนซ์เซอร์เท่ากับเป็นการลดความยุ่งยากและความกังวลใจในเรื่องของพิธีกรรมและรูปแบบงาน เพียงแค่บอกว่าความต้องการทางออแกไนซ์เซอร์ก็จะดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อย
       
       พิธีการแต่งงานนั้นสามารถแยกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ ตลาดล่าง, ตลาดกลาง และตลาดบนที่จะจัดงานในระดับราคา 5 แสนบาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับกำลังและความพุ่งพอใจของลูกค้าที่มีตกลงร่วมกัน
       


       “เพราะด้วยภาระหน้าของการงานเรื่องงานที่ตัวเองรับบผิดชอบมอบหมาย ก็ค่อนข้างที่จะหมดเวลาไปแล้ว เพราะฉะนั้นการบอกความต้องการกับออแกไนซ์ แพลนเนอร์ ว่าต้องการแบบไหนเขาก็จะดีไซน์เอาโครงออกมา ค่อนข้างที่จะตรงใจกับคู่บ่าวสาว ในเรื่องของธีมงานมันเป็นเรื่องของคอนเสป ของความชอบ เป็นเรื่องของคาแรคเตอร์ของคู่บ่าวสาว รสนิยมที่ไม่เหมือนกัน”
       
       รูปแบบงานแต่งงานนั้นถือเป็นความพึ่งพอใจส่วนบุคคล อย่างดารานักแสดง หรือผู้มีชื่อเสียงในวงสังคม ที่จัดกันเสียใหญ่โตก็เป็นการแสดงออกซึ่งความให้เกียรติคู่สมรส ให้เกียรติวงศ์ตระกูล และไลฟสไตล์ของพวกเขาเอง
       


       “มันป็นเรื่องของประเพณี ในเรื่องความเนี๊ยบของพิธีมันเป็นความยืดหยุ่นของแต่ละบ้าน แต่งานเย็นงานเลี้ยงฉลองเป็นเรื่องของไลฟสไตล์ ในเมื่อต้องจ่ายแล้วทุกๆ คนก็ต้องการงานในฝัน ต้องการงานที่อยากจะได้ในรูปแบบที่เขาคิดเอาไว้ในใจ ถ้าเขาไม่เดือดร้อนที่จะจ่ายมันเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับศักยภาพด้านการเงิน”
       
       วิวัฒนาการของการแต่งงานนั้นก็ปรับเปลี่ยนกันไปตามยุคตามสมัย ธนกฤต กล่าวเพิ่มเติมว่ามันเพิ่มในส่วนของความวิจิตร อย่างเมื่อก่อนมีพรีเซนเตชั่นก็แค่เอาภาพมารันนิ่งเป็นเรื่องราว แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีทั้งแอนนิเมชั่น, หนังสั้น ฯลฯ เป็นเรื่องราวที่ละเมียดขึ้น
     
  
       ถ้าสำรวจพิธีการต่างๆ ในสังคมไทยก็จะเห็นว่าเราเปิดรับวัฒนธรรมของต่างชาติเข้ามาเยอะเสียจนลืมเลือนบางอย่างไป แม้พิธีการแต่งงานยังคงซึ่งความเป็นไทยแต่ในเรื่องพิธีกรรมแต่ก็ถูกลดทอนบทบาทลงมาก เพราะมักจะให้ความสำคัญในเรื่องรูปแบบงาน และความยิ่งใหญ่สมเกียรติวงศ์ตระกูลเสียมากกว่า อาจกล่าวได้ว่าพิธีการแต่งงานในปัจจุบันผิดเพี้ยนไปเป็นงานโชว์ตัวบ่าวสาวเป็นเวทีประกาศชื่อเสียงเงินทองและเกียรติยศเสียแล้ว
       ......................
       

ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:


http://www.manager.co.th

ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต




เกมโป๊ เกมเซ็กซ์ ยิ่งห้าม ยิ่งอยาก...

เรทเกม18+ นั้นมีอยู่จำนวนไม่น้อย อาจแบ่งแยกจากเนื้อหาความรุนแรงแล้วตีตราประทับเกมๆ นั้นเหมาะกับผู้เล่นช่วงอายุเท่าไหร่ ตรงนี้เป็นที่รับรู้โดยทั่วกันแต่เป็นเรื่องยากนักที่จะจำกัดสิทธิของผู้เล่นกลุ่มเยาวชนไม่เข้าถึงเกม 18+ 
       
       เช่นเดียวกัน ‘เซ็กซ์’ ก็กลายเป็นเครื่องมือสำคัญผู้ผลิตเกมก็หยิบยกเนื้อหาวาบหวิวปลดเปลื้องจินตนาการทางเพศเข้ามาเป็นจุดขายของเกมจำพวก ‘เกมโป๊’ หรือเรียกกันตามสากลว่า ‘H Games’ 
       เกมจำพวกนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน โจ๋งครึ้มทั้งฉากทั้งเนื้อหาเป็นสื่ออินเตอร์แอคทีฟที่พร้อมตอบสนองผู้เล่นทุกเพศทุกวัย แม้จะมีการจัดเรทกำหนดอายุผู้เล่นมากกว่า 18 ปี แต่ในสังคมไทยนั้นไม่ใช่เรื่องยากที่เยาวชนจะเข้าถึงเกมเหล่านี้เลย
       อธิบายเพิ่มเติมก่อนว่า H games ในประเทศไทยนั้นไม่มีอนุญาตให้จำหน่ายอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผิดกับต่างชาติอย่างเช่นประเทศญี่ปุ่นที่เปิดเสรีในการจำหน่ายเกมจำพวกนี้แต่มีข้อแม้ว่าต้องเซ็นเซอร์จุดสำคัญ และก็ดูเหมือนว่าเยาวชนหรือผู้ใหญ่ในประเทศเขาจะมีความรับผิดชอบให้ความร่วมมือกับข้อตกลงในการเข้าถึงเกมที่กำหนดเรทมากกว่าบ้านเรา
       


       ประสบการณ์เซ็กซ์ในรูปแบบเกม
       H games ถ้าอธิบายตามรากศัพท์ H มาจากคำว่า Hentai เป็นภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่าลามกหรือทะลึ่งนั้นเอง สรุปสั้นๆ ก็คือ Hentai Games จะเป็นเกมแอนิเมชั่นลักษณะที่มีเพศสัมพันธ์กันอย่างโจ่งแจ้ง ผ่านตัวละครการ์ตูนที่มีลายเส้นชวนฝัน แต่งแต้มจินตนาการตามสไตล์แดนปลาดิบที่ถือเป็นต้นกำเนิด
       
       โดยเงื่อนไขของ H Games จะต้องมีฉากลามก เห็นอวัยวะส่วนสำคัญ หรือมีการร่วมเพศอยู่ด้วย
       
       แรกเริ่มเดิมทีเกมจำพวกนนี้ผลิตมาเพื่อกลุ่มโอตาคุ หรือกลุ่มคนที่หลงไหลในโลกการ์ตูนไม่ว่าจะเพศไหนอายุเท่าไหร่ก็มีให้เลือกเปิดรับกันตามอัธยาศัย เพราะว่า H games นั้นก็มีให้เลือกอยู่หลายแนว มีการแบ่งประเภทที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น Pure Love, Drama, Adventure, Comedy, Horror ฯลฯ
       
       เรียกว่ามีทุกรูปแบบเท่าที่จินตนาการได้เลย เพราะหัวใจของเกมจำพวกนี้คือจิตนาการที่ไร้ขอบเขต เป็นการจำลองเหตุการณ์ อารมณ์ความรู้สึก รับรสกามผ่านอนิเมะ ทั้งเนื้อเรื่อง, ตัวละคร, ภาพเสียงประกอบ, ฯลฯ ปลุกเร้าอัตราการเต้นของหัวใจเหมือนกับกำลังรับชมหนังเอ็กซ์รูปแบบการ์ตูนที่ผู้เล่นสามารถมีส่วนร่วมได้ ซึ่งถ้าผู้เล่นที่เด็กและเยวชนหลงเข้ามาเล่นก็คงเป็นเรื่องที่ไม่สมควร
    
   
       สังคมปิดกั้นก็ต้องหาที่ระบาย
       ลักษณะเกมนั้นเป็นกระบวนการพัฒนาการศึกษาที่มีมากันตั้งแต่สมัยโบราณ ภณสุทธิ์ สุทธิประการ หัวหน้าสาขาวิชาคอมพิวเตอร์เกมมัลติมีเดีย คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต อธิบายถึงวัตถุประสงค์ของเกมที่ปรับเปลี่ยนจากการพัฒนาสมองเป็นการสนองตัณหามากขึ้น
       
       “ในส่วนของเกมโป๊มันเป็นลักษณะของสื่อทางด้านเพศ กระตุ้นความอยากรู้ความสนใจของคนใครจับสื่อทางธุรกิจเกี่ยบกับเพศขึ้นมาปุ๊บก็ได้ผลตอบสนองอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว เพราะว่าเรื่องเพศสังคมไทยมีกระบวนการการปิดกั้นเรื่องความสัมพันธ์เกี่ยวกับเพศทุกระดับทุกอายุ เมื่อปุถุชนทั่วไปถูกปิดกั้นก็ไม่ยอมอยู่แล้ว มันไปอยู่สื่อไหนก็ได้รับการตอบสนองที่ดีใครก็วิ่งเข้าหา การผลิตสื่อทางเพศเป็นเกมคอมพิวเตอร์มันมีศักยภาพของมันสามารถปฎิสัมพันธ์ มีการตอบสนองปฎิกิริยาได้ทันท่วงที”
       
       แน่นอน ศักยภาพของสื่อเกมสมัยนี้มันทันสมัยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันจำลองตัวละครตัวให้แสดงกิริยาท่าทางเข้าใกล้ธรรมชาติมากขึ้น ที่สำคัญนำความอยากได้ใครรู้ของมนุษย์ปรุงแต่งลงไปด้วย H games ก็ทวีความนิยมในสังคมไทยมากขึ้น ยิ่งมีการปิดกั้นเรื่องเพศก็เหมือนยิ่งยุ ผิดกับประเทศญี่ปุ่นที่เปิดกว้างในเรื่องเซ็กซ์ พร้อมๆ กับสอนในเรื่องการรับรู้และเคารพกฎระเบียบ จึงทำให้การจำกัดสิทธิในเกมเรท18+ เป็นไปตามมาตรการทางสังคม
       
       แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาเมื่อกลุ่มเยาวชนได้รับสื่ออินเตอร์แอคทีฟจำพวกเกมที่มีเนื้อหาล่อแหลมและรุนแรงย่อมส่งผลต่อทัศนคติและพฤติกรรมลอกเลียนแบบเอาเสียง่ายๆ ซึ่งสำหรับกลุ่มเยาวชนที่อยู่ในวัยอยากรู้อยากลองก็คงเป็นการยากที่จะควบคุมกระบวนทางความคิดการใช้อารมณ์ความรู้สึก และตรงนี้เองก็เป็นปฐมบทสู่พฤติกรรมเลียนแบบเกม
       
       ที่เห็นและเป็นอยู่
       “ผู้ใหญ่ที่เคยเล่นกันอย่างเกมปลูกผัก, ขายกาแฟ มันก็ยอมเกิดสิ่งกระตุ้นเราที่มันน่าจะมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นจริงๆ ในชีวิตเราบ้าง ก็คงไม่แตกต่างจากเกมโป๊เหล่านี้ที่พอเด็กเล่นแล้วเด็กก็ย่อมอยากลองในสถานการณ์จริง เมื่อเกิดอาการคล้อยตามมันย่อมเกิดการเลียนแบบอยากทดลองเป็นเรื่องปกติของพฤติกรรมมนุษย์” ดร.เพ็ญนภา กุลนภาดล อาจารย์ประจำสาขาวิจัยและจิตวิทยาประยุกต์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าว
       
       ถึงแม้จะมีการปิดกั้นเยาวชนในการเข้าถึงเนื้อหาที่มีความรุนแรงและเรื่อเพศ แต่ก็ต้องยอมรับกันตามจริงว่าการจัดการวิธีนี้คือความล้มเหลว เพราะแค่คีย์คำที่อยากในอินเตอร์เน็ตก็ปรากฏข้อมูลอย่างพรั่งพรูแล้ว ต้องเข้าใจว่าเด็กและวัยรุ่นนั้นอยู่ในช่วงที่อยากรู้อยากลอง ยิ่งถ้าได้ลองกับเกมก็ย่อมมีความคิดที่จะลองกับสถานการณ์จริง
       
       ดร.เพ็ญนภา กล่าวว่า วิธีการจำกัดการเข้าถึงสื่อลามกในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่ดีที่สุดก็คือการให้ข้อมูลความรู้ ไม่ใช่การตีธงปรามห้ามเพียงอย่างเดียว
       อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เกี่ยวข้องคงต้องกลับมาคิดหาแนวทางป้องกันในการเข้าถึงสื่อที่ถูกกำหนดเป็น เรท18+ กันอย่างเป็นรูปธรรมเสียที H games แม้จะมีการปิดกั้นห้ามวางจำหน่ายในประเทศไทย แต่ถ้าลองค้นผ่านอินเตอร์เน็ต หรือตามแหล่งจำหน่ายสินค้าเถื่อนก็จะพบเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญการตีตรา เรท18+ ได้พิสูจน์แล้วว่ามันเป็นวิธีการที่ล้มเหลว ไม่สามารถจำกัดการเข้าถึงของกลุ่มคนได้เลย
       
   

    R...... เกมโป๊ในรูปแบบ 3มิติ ที่ผู้เล่นจะต้องสวมบทเป็นหนุ่มโรคจิตล่าสวาทหญิง 3 คน คนแรกเป็นแม่ และลูกสาวอีก 2 คน ผู้เล่นต้องสะกดรอยตามพวกเธอพวกเธอไปยังสถานที่ต่างๆ อย่างเช่นบนรถไฟ ฯลฯ เมื่อลับตาคนก็ลงมือปฎิบัติการณ์สำเร็จความใคร่
       
       A...... เกมที่ผู้เล่นจะได้จำลองบทบาทเป็นตัวละครหนุ่มนักรัก ซึ่งพิเศษตรงที่ว่าสามารถสร้างหญิงสาวได้ดั่งใจปราถนา ลักษณะคล้ายๆ กับเกม The sims ที่รู้จักกันดี เป็นการจำลองชีวิตมาไว้ในเกมแต่ในเกมนี้จะเสิร์ฟฉากสวาทอย่างไม่เม้ม
       
       S...... เนื้อหาของเกมจะว่าด้วย ความรัก 1 ชาย 2 หญิง ที่มีฉากเซ็กซ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ท้ายที่สุดความรักที่ไม่สมหวังก็ส่งผลให้คนหนึ่งต้องตายลงไป ทั้งฉากทั้งเนื้อหารุนแรงเสมือนจริงมากๆ
       
       K...... เป็นเรื่องราวของภารโรงโรตจิตที่ไล่ข่มขื่นนักเรียนสาว ว่ากันว่าเกมนี้ได้รับความนิยมเสียจนมีภาคต่ออีกหลายภาค
       
       R...... เกมโป๊ที่เดินเรื่องอยู่ในโรงเรียนเช่นเดียวกัน เนื้อเรื่องประมาณว่า คุณครูสาวสวย ถูกนักเรียนและครูชายรุมข่มขื่น เนื้อหาและภาพรุนแรง ยิ่งในเรื่องศีลธรรมไม่ต้องพูดถึงเพราะเกมเหล่านี้เน้นขายเซ็กซ์ที่เหนือจินตนาการอยู่แล้ว ฯลฯ



  
ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:


http://www.manager.co.th


วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เปลือยกายตรวจสุขภาพ...Dr.DEN Sexociety




คอลัมน์ Sexociety โดย Dr.DEN
       
       ผู้หญิง ก็อย่างที่รู้กัน พวกเธอมีความละเอียดอ่อนสลับซับซ้อนทั้งทางจิตใจและกายภาพมากกว่าผู้ชายหลายเท่า ผลที่ตามมาก็คือ ผู้หญิงมีความเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บที่หลากหลายกว่าผู้ชาย การตรวจร่างกายปีละครั้งอาจไม่เพียงพอและไม่ทันกาลสำหรับพวกเธอ
       
       เพราะฉะนั้น คุณผู้หญิงทั้งหลายโปรดถอดเสื้อผ้าของคุณออกซะ (แน่นอนในที่ลับตาคน อย่างห้องน้ำหรือห้องนอน) แล้วทำตัวสบายๆ สัก 2-3 นาทีก่อนลงมือตรวจร่างกายด้วยตัวของคุณเองตั้งแต่เส้นผมจรดหัวแม่เท้า เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ





เส้นผม
       
       เรือนผมของคุณกำลังบางลงใช่หรือไม่? ไปพบแพทย์ซะถ้าคุณสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเส้นผมอย่างชัดเจน เช่น ผมร่วงมากผิดปกติ แต่ในทางกลับกัน ถ้าคุณสังเกตเห็นว่าคุณกลายเป็นคนขนดกทั่วเรือนร่างมากกว่าเดิม นี่ก็อาจเป็นอาการของ รังไข่เป็นซีสต์จำนวนมาก (Polycystic Ovarian Syndrome: PCOS) ได้
       
       คิ้ว
       
       ถ้าคิ้วของคุณบางลง หรือขอบนอกของคิ้วร่วงหายไปจนสังเกตได้ คุณอาจมีปัญหาต่อมไทรอยด์ก็ได้
       
       นัยน์ตา
       
       จุดเหลืองๆในดวงตาหรือวงแหวนรอบม่านตาของคุณสามารถบ่งชี้ถึงการมีคอเลสเตอรอลสูง ถ้าตาขาวของคุณเป็นสีเหลืองให้ไปเช็คโรคไต ถ้าขอบตาซึ่งปกติเป็นสีแดงแต่มันกลับซีดลงลงมาก คุณอาจเป็นโรคโลหิตจางได้
       
       ฟัน
       
       จุดขาวๆ บนฟันของคุณ ไม่มีอะไรที่น่ากังวล โดยทั่วไปมันหมายถึงได้รับฟลูออไรด์มากเกินไปตอนคุณเป็นเด็ก เหงือกของคุณควรเป็นสีชมพูอ่อนหรือน้ำตาลอมชมพู จึงจะเรียกว่าเหงือกที่มีสุขภาพดี (ถ้าคุณสูบบุหรี่จัด ก็แน่นอนว่า มันต้องคล้ำกว่าคนไม่สูบบุหรี่) ถ้าเหงือกของคุณมีสีแดง แสดงว่าคุณแปรงฟันไม่ถูกวิธี ตรวจดูลิ้นของคุณด้วย ถ้ามันแวววาวหรือเรียบลื่น ไม่ใช่ดีนะครับ คุณอาจเป็นโรคโลหิตจางได้
       


       คอ
       
       ตรวจดูอาการบวมที่ฐานคอด้านหน้าของคุณ นี่อาจเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งของโรคไทรอยด์หรือคอหอยพอกได้



เต้านม
       
       ตรวจสอบเต้านมของคุณเป็นประจำทุกเดือน (ที่แฟนคุณทำอยู่บ่อยๆ น่ะ มันคนละวัตถุประสงค์นะครับ) เพื่อตรวจหาความเปลี่ยนแปลงของขนาด สีและรูปทรงของน้องแฝดของคุณ โดยใช้มือซ้ายลูบคลำเต้าขวา และมือขวาทำกับเต้าซ้าย ไล่ลงมาตั้งแต่ยอดเนินและบีบให้แรงขึ้นขณะเลื่อนมือลงมาเรื่อยๆ และจากกระดูกไหปลาร้าลงมาถึงช่วงท้อง คลำหาก้อนนูนๆ หรือไตแข็งๆ มันอาจเป็นสัญญาณของมะเร็งเต้านมได้
       
       ชายโครง
       
       ถ้าชายโครงด้านหนึ่งของคุณดูเหมือนโป่งนูนมากกว่าอีกด้าน มันอาจจะเนื่องมาจากอาการกระดูกสันหลังคดทางด้านข้าง (Scoliosis) ก็ได้
       


       มือและเล็บ
       
       - ฝ่ามือแดง จัดอาจเป็นสัญญาณของสภาวะทางผิวหนังอย่างหนึ่งที่เรียกว่า ฝ่ามือผื่นกุหลาบ (Palmar Erythema) ซึ่งเป็นอาการของโรคไต
       
       - ความเปลี่ยนแปลงบนเล็บของคุณก็สำคัญมากเช่นกัน ถ้าจันทร์เสี้ยวที่ฐานเล็บของคุณเปลี่ยนรูป คุณอาจขาดธาตุเหล็ก ตรวจหาเส้นแนวขวางบนเล็บของคุณเป็นประจำด้วย ถ้ามันมีอยู่ ก็อาจเป็นสัญญาณของโรคเรื้อรังอย่างใดอย่างหนึ่ง และควรไปให้หมอตรวจโดยทันที ส่วนเส้นนูนๆในแนวดิ่งนั้นปกติ
       
       - ถ้าเล็บของคุณเป็นหลุมๆ (เหมือนผิวส้ม) คุณอาจเป็นโรคผิวหนังอย่างหนึ่งที่เรียกว่า สะเก็ดเงิน (Psoriasis)
       
       - ถ้าเล็บของคุณเผยอขึ้นจากเนื้อข้างใต้ของมัน คุณอาจเป็นโรคไทรอยด์ขั้นรุนแรง ถ้ามันเผยอและผิวหนังข้างใต้มีสีเหลืองอมเขียว มันสามารถเป็นการติดเชื้อราได้
       
       - แล้วจุดขาวๆ เล็กๆ ที่คุณเห็นบนเล็บของคุณเป็นบางครั้งล่ะ? ไม่ต้องกังวลกับมัน มันก็แค่สัญญาณของความบาดเจ็บบนเล็บของคุณเมื่อครั้งก่อน มันไม่ได้หมายถึงคุณขาดสารอาหารหรอก อย่างไรก็ตาม จุดดำๆ อาจเป็นเนื้องอกสีดำ (Melanoma) ได้ ดังนั้นคุณจึงควรไปให้หมอตรวจ





หัวเหน่า
       
       ใช้วิธีไอขณะเปลือยและตรวจคลำบริเวณหัวเหน่าของคุณ ถ้ามีการโป่งนูนบริเวณรอยแยกของหัวเหน่าขณะคุณไอ คุณอาจเป็นไส้เลื่อนได้
       
       ช่องคลอด
       
       จุดแดงๆ บนแนวขอบกางเกงในที่หว่างขาของคุณอาจเป็นการอักเสบเนื่องจากการติดเชื้อรา หมอคนไหนก็สั่งครีมแก้เชื้อราให้คุณได้ (โดยคุณไม่จำเป็นต้องถอดกางเกงในให้เขาตรวจหรอก แค่บอกอาการก็พอแล้ว)
       
       ผิวหนัง
       
       - ผิวหนังที่มีสีซีดอย่างกะทันหัน อาจเป็นสัญญาณของโรคโลหิตจางได้
       
       - ตรวจหาผื่นบนผิวหนัง ถ้าคุณมีผื่นที่รอยหนีบต่างๆ เช่น ข้อพับของนิ้วหรือข้อพับของศอก มันอาจเป็นโรคผิวหนังอักเสบ (Eczema) ได้ ถ้ามีผื่นบริเวณหัวเหน่าหรือรักแร้ มันอาจเป็นการติดเชื้อรา
       
       - ตรวจดูไฝอย่างน้อยทุก 6 เดือน มองหาความเปลี่ยนแปลงของไฝและกระของคุณ โดยสังเกตความเปลี่ยนแปลงของขอบเขต สี ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง และความนูนของไฝ ถ้าคุณสังเกตว่ามีอะไรแปลกๆไป ให้รีบพบแพทย์โดยทันที
       


       ขา
       
       ตรวจดูความเปลี่ยนแปลงในเส้นเลือดดำของคุณ เส้นเลือดดำที่โป่งบวมเป็นสีม่วงอาจเป็นโรคเส้นเลือดขอดได้ มันไม่อันตรายหรอก แต่คุณสามารถกำจัดมันได้โดยสวมถุงน่องแบบรัดขาหรือโดยการลดน้ำหนัก (ไปปรึกษาแพทย์ก่อนก็ได้) แต่ถ้าคุณรู้สึกเจ็บปวดบริเวณที่คุณเป็นเส้นเลือดขอด ก็ไปหาหมอได้เลย
       
       อย่าลืมว่าสุขภาพจิตที่ดีอยู่ในร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์นะครับ และทั้งสองอย่างนี้จะนำไปสู่สุขเพศโดยอัตโนมัติ
       
       >> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net





ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
http://www.manager.co.th
Internet




9 วิธีทำให้เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน...ดร.แพง ชินพงศ์




   ผู้เขียนเชื่อว่าคนทุกคนย่อมอยากเป็นที่รัก เป็นที่ชื่นชอบและเป็นที่ชื่นชมของใคร ๆ ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นลูกที่รักของพ่อแม่ เป็นคนที่รักของสามีหรือภริยา เป็นคนที่รักของญาติพี่น้องหรือเป็นคนที่รักของเพื่อนฝูง มันอาจไม่ใช่เรื่องยากเลยหากอยู่ในสังคมของคนใกล้ชิด เช่นคนในครอบครัวหรือวงศาคณาญาติ เพราะว่าเราต่างรักกันโดยความผูกพันทางสายเลือดอยู่แล้ว แต่การจะเป็นที่รักของคนอื่น ๆ เช่น เพื่อนบ้าน เพื่อนที่โรงเรียน หรือเพื่อนร่วมงาน อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าใดนัก เพราะต่างคนก็ต่างที่มา การจะคบหา เรียนรู้กันและกัน ใกล้ชิดสนิทสนม จนถึงขั้นรักใคร่ชอบพอกันนั้นจึงต้องใช้เวลาและต้องใช้ความพยายาม โดยเฉพาะกับเพื่อนร่วมงานที่อาจต้องมีการแข่งขันกันในหน้าที่การงานหรือการมีความแตกต่างในตำแหน่งหน้าที่นั้นยิ่งต้องใช้ความพยายามมากขึ้นไปอีก แต่หากเราอยากจะเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน ควรใช้ 9 วิธี พิชิตใจเพื่อนร่วมงาน ดังนี้
       
       1. ยิ้มสร้างมิตรภาพ
       
       การยิ้มเป็นการเริ่มต้นของการสร้างความสัมพันธ์ที่ง่ายที่สุด เพราะคงไม่มีเพื่อนร่วมงานคนไหนที่จะกล้าเข้าไปพูดคุยหรือเกี่ยวข้องกับคนที่ทำหน้าบึ้งตึงไม่รับแขก หรือแสดงสีหน้าไปในทางที่ดูถูกคนอื่น การยิ้มที่สร้างมิตรภาพ ควรแสดงออกมาด้วยความจริงใจ ทั้งสีหน้าและแววตา เมื่อเราเริ่มยิ้มให้กับใคร เชื่อว่าคนๆนั้นจะต้องเกิดความรู้สึกดี ๆ กับเราอย่างแน่นอน




      
       2. เป็นตัวของตัวเอง
       
       การแสดงออกซึ่งบุคลิกหรือนิสัยใจคอที่เราเป็น เป็นสิ่งที่ดีที่ควรทำต่อเพื่อนร่วมงาน เพราะเขาจะได้เรียนรู้ในการที่จะปรับตัวเข้าหาเราได้อย่างเหมาะสม อย่าพยายามแสดงตนเป็นคนอื่นในแบบที่ไม่ใช่ตัวเรา เพราะนั่นจะแสดงให้เพื่อนร่วมงานของเราเห็นว่าเราเป็นคนหลอกลวงและไม่จริงใจ แต่การเป็นตัวของตัวเองนั้นก็ควรระลึกไว้อย่างหนึ่งว่าแม้เราจะมีลักษณะนิสัยอย่างไรก็ตาม หากเรารู้ว่านิสัยนั้นเป็นนิสัยที่ไม่ดี เราควรจะต้องเรียนรู้ในการที่จะปรับตัวเราด้วยเช่นกัน แต่ไม่ต้องถึงขนาดทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ แค่พอให้เราและเพื่อนของเรายอมรับในแบบนั้นได้ก็ดีพอแล้ว
       
       3. เข้าอกเข้าใจผู้อื่น 
       
       การเข้าใจผู้อื่นคือการเห็นความสำคัญของเขานั่นเอง บางครั้งเพื่อนร่วมงานของเราอาจมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการงานหรือปัญหาส่วนตัวก็ตาม ควรจะหาโอกาสที่จะเข้าไปมีส่วนในการเป็นที่พึ่งพาให้กับเขาเท่าที่เราสามารถจะทำให้ได้ เช่น รับฟัง ให้คำปรึกษา ช่วยแก้ไข ว่ากันว่ามิตรแท้ก็คือมิตรในยามยาก ดังนั้น หากเราสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้เพื่อนของเราผ่านพ้นปัญหาไปได้ เราก็จะเป็นที่รักของเพื่อนอย่างแน่นอน
       


       4. เคารพความคิดเห็นของผู้อื่น
       
       แม้ว่าการทำงานในบางครั้ง เราอาจจะมีความเห็นที่แตกต่างกันกับเพื่อนร่วมงานของเราบ้าง แต่เราต้องเรียนรู้ในการที่จะเป็นคนใจกว้างที่จะยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย และจะต้องไม่คิดว่าความคิดเห็นของเราเท่านั้นที่ถูกต้องเสมอ การยอมรับฟังความคิดเห็นของเพื่อนร่วมงาน นอกจากจะเป็นผลดีต่อการทำงานเพราะอาจหมายถึงทางที่จะช่วยแก้ปัญหาได้หลากหลายทางหรือหมายถึงความคิดที่จะเอามาปรับใช้กับงานได้หลากหลายมากขึ้นแล้ว ยังเป็นผลดีต่อความรู้สึกของเพื่อนร่วมงานว่าเราเป็นคนที่มีน้ำใจในการทำงานด้วย ซึ่งนั่นจะทำให้มิตรภาพและบรรยากาศในที่ทำงานเป็นไปด้วยความราบรื่น
       
       5. ปฏิบัติต่อเขาเหมือนอย่างที่เราต้องการให้เขาปฏิบัติต่อเรา
       
       การทำเช่นนี้ไม่ได้หมายถึงการทำดีเพื่อหวังผลตอบแทน แต่หมายความว่า การทำดีกับใครควรทำด้วยความจริงใจ แล้วความดีนั้นจะส่งผลให้เรามีความสุขในใจนั่นเอง เพราะเมื่อใจเราไม่ได้คิดร้ายกับใครแล้ว แม้ไม่มีใครตอบแทนความดีของเราแต่เราก็สุขใจที่ทำให้คนอื่นมีความสุขนั่นเอง
       


       6. ยินดีกับความสำเร็จของเพื่อน 
       
       เช่น เมื่อเพื่อนร่วมงานของเราได้เลื่อนตำแหน่งหรือได้รับรางวัลจากการทำงาน เราควรแสดงความยินดีกับเขาด้วยความจริงใจ อย่าละเลยที่จะทำเพราะเห็นไม่สำคัญหรือไม่จำเป็น โดยเราอาจกล่าวแสดงความยินดี เขียนการ์ดหรือมอบของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เพื่อนของเราเพื่อแสดงน้ำใจให้เขาเห็นว่าเรายินดีกับความสำเร็จของเขาจริง ๆ และเมื่อถึงคราวของเราบ้างก็เชื่อว่าเพื่อนของเราก็ต้องยินดีกับความสำเร็จของเราด้วยเช่นกัน
       
       7. รักษาคำมั่นสัญญา 
       
       มีคำกล่าวไว้ว่า เมื่อเราได้รักษาสัญญากับใครแล้วเราต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้นั้น แม้การทำตามสัญญาอาจทำให้เราต้องเสียประโยชน์อย่างใดไป เราก็ต้องยึดคำสัญญานั้นไว้ให้มั่น เช่น เมื่อเรารับปากว่าจะช่วยเพื่อนร่วมงานของเราสะสางงาน หรือแก้ปัญหาเกี่ยวกับงานนอกเวลาทำงาน แต่ปรากฏว่ามีงานพิเศษเข้ามาหรือมีคนโทรมานัดไปเที่ยวในวันนั้นพอดี เราก็ควรจะต้องเลือกที่จะช่วยเพื่อนของเราตามที่ได้รับปากไว้แล้ว และเมื่อเป็นเช่นนี้แน่นอนว่าคุณจะเป็นที่รักและที่ชื่นชมของเพื่อนร่วมงานอย่างไม่ต้องสงสัยเลยทีเดียว
       
       8. ไม่นินทาลับหลัง
       
       การห้ามการนินทาเป็นสิ่งที่ยากที่จะทำแต่ไม่ใช่ทำไม่ได้ การนินทาทำลายมิตรภาพที่ดีของเพื่อนร่วมงานมานักต่อนัก เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนไม่จริงใจและเป็นพวกต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง จึงอาจทำให้เกิดการบาดหมางกันระหว่างเพื่อนร่วมงานได้ ดังนั้น อย่าพยายามเอาตัวเองไปอยู่ในวงนินทา ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็แค่รับฟังแต่ไม่ต้องร่วมนินทาด้วย อย่าให้ความสนุกปากทำให้เกิดเป็นความลำบากใจในภายหลัง และการไม่นินทาถือเป็นการให้เกียรติเพื่อนของเราด้วย
       


       9. หากิจกรรมนอกเวลางานทำร่วมกัน
       
       แม้เราจะต้องเจอเพื่อนร่วมงานของเราทุกวันเวลาทำงานอยู่แล้วก็ตาม แต่การได้ทำกิจกรรมนอกเวลาทำงานร่วมกันที่ทำให้เกิดความผ่อนคลาย จะช่วยสร้างสัมพันธภาพที่ดี รวมถึงเป็นการสร้างความสนิทสนมคุ้นเคยกันได้มากขึ้น การได้พูดคุยในเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องการงาน การได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันอาจทำให้เราเห็นบุคลิกลักษณะและนิสัยใจคอของเพื่อนร่วมงานในมุมที่เราไม่เคยเห็น ซึ่งก็เป็นประโยชน์ในการปรับตัวเข้าหากันได้อย่างดี กิจกรรมนอกเวลางานที่ควรทำร่วมกัน เช่น ไปรับประทานอาหารเย็น ไปดูหนัง ไปซื้อของ ไปเล่นกีฬา ไปทำบุญ ไปช่วยงานสาธารณประโยชน์
       
       การที่จะคนๆหนึ่งจะเป็นที่รักของคนอื่น ๆ อาจไม่ใช่ทั้งเรื่องยากและไม่ใช่ทั้งเรื่องง่าย แล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับมนุษย์ที่มักจะเลือกที่รักมักที่ชัง แม้ว่าเราไม่อาจบังคับให้ใครมารักหรือมาชอบเราได้ตามใจของเราเอง แต่คงจะดีไม่น้อยหากคนเราจะเรียนรู้ในการที่จะสามารถรักคนได้ทุก ๆ คนไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นใครก็ตาม คน ๆ นั้นอาจมีนิสัยไม่น่ารักหรือไม่ถูกใจเรา แต่หากเราเรียนรู้ที่จะมอบความรักและความปรารถนาดีให้กับทุก ๆ คนไปด้วยความจริงใจแล้ว เราจะได้รับสิ่งที่ดี ๆ ตอบแทนกลับมาอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็ทำให้เกิดความสุขใจก็เพียงพอแล้ว


ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:
http://www.manager.co.th